ปุจฉา- ทำสมาธิมานานไม่ค่อยเห็นอะไรเลย เป็นคนอาภัพหรือเปล่า ?

กระทู้: ปุจฉา- ทำสมาธิมานานไม่ค่อยเห็นอะไรเลย เป็นคนอาภัพหรือเปล่า ?

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. รูปส่วนตัว Butsaya

    Butsaya said:

    ปุจฉา- ทำสมาธิมานานไม่ค่อยเห็นอะไรเลย เป็นคนอาภัพหรือเปล่า ?


    ปุจฉา- ทำสมาธิมานานไม่ค่อยเห็นอะไรเลย เป็นคนอาภัพหรือเปล่า ?
    โดยท่านว.วิชรเมธี




    ปุจฉา

    ทำสมาธิมานานไม่ค่อยเห็นอะไรเลย เป็นคนอาภัพหรือเปล่า ?

    วิสัชนา

    ใครบอกคุณว่าอาภัพ นั่งสมาธิมานานแล้วไม่เห็นอะไรนั้น ถือว่าโชคดีต่างหาก ส่วนคนที่นั่งสมาธิแล้วเห็นนั่นเห็นนี่
    เช่น เห็นนรก เห็นสวรรค์ เห็นตัวเลข เห็นนิพพานเมืองแก้วเป็นมหาอาณาจักรอันไพจิตรนั้น ถือว่ากำลังโชคร้ายเพราะ
    เท่ากับว่ากำลังเดินออกนอกลู่นอกทางของพระพุทธศาสนาไกลออกไปทุกที ในกรณีเช่นนี้หากไม่มี ครูบาอาจารย์ผู้เชี่ยว
    ชาญมาช่วยชี้แนะ วิธีการ ที่ถูกต้องให้ ต่อไปอาจหลงผิดติดอยู่กับฤทธาปาฏิหาริย์ นานไปเมื่อไม่มีใครเตือนก็อาจสำคัญ
    ตน ผิดคิดว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษหรือเป็นพระอรหันต์แล้วจากนั้นก็จะสอนธรรมะอย่างผิดๆ วิปริตจากพระธรรมวินัย กลาย
    เป็นสร้างความเสื่อมเสียให้ทั้งแก่ตัวเองและคนอื่นมากยิ่งขึ้น

    การนั่งสมาธินั้นมีจุดประสงค์ก็เพื่อต้องการให้ผู้นั่งสมาธิมองเห็น “กิเลสในจิตของตัวเอง”เป็นสำคัญการเห็นมโนภาพ
    อันเพริศแพร้วพรรณรายที่มีผู้ชักจูงให้เห็นหรือคล้อยตาม เช่นการเห็นนรกสวรรค์ การเห็นตัวเลขใต้ดินบนดิน การเห็น
    ดัชนีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ การเห็น (รู้) ใจคนอื่น หรือแม้แต่การเห็นพระพุทธปฏิมาอันงดงามแล้วเกิดความศรัทธา ลุ่ม
    หลงจมปลักลงไปเข้าใจว่านั่นเป็นพระนิพพาน เป็นต้น การเห็นปรากฏการณ์ต่าง ๆ ทางจิต ซึ่งถือว่าเป็นจิตตานุภาพอย่าง
    หนึ่งดังกล่าวมานี้ นับว่าเป็นสมาธิวิธีที่ไม่น่าไว้วางใจ (มิจฉาสมาธิ) ทั้งนั้น ผู้ที่ปฏิบัติสมาธิแล้วพบกับปรากฏการณ์เหล่านี้
    ควรได้รับคำ แนะนำให้กลับเข้าสู่วิถีทางที่ถูกต้องโดยรีบด่วน หากทิ้งไว้นานไปจะกลายเป็นผลเสียต่อตัวผู้ปฏิบัติเอง

    ในครั้งอดีตมีพระรูปหนึ่งเป็นอาจารย์มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ท่านฝึกสมาธิจนมีความสงบลึกซึ้งถึงระดับหนึ่งแล้วก็
    เกิด สำคัญผิดคิดว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์คนหนึ่งของยุคสมัย ความเข้าใจผิดเกาะกุมใจของท่านอยู่เป็นเวลานานอยู่ต่อ
    มาลูกศิษย์ของท่านคนหนึ่ง ซึ่งเคยเรียนจากท่านแต่ก้าวหน้ากว่าได้เป็นพระอรหันต์ก่อนท่าน นึกสงสารอาจารย์ของตนที่
    จ่อมจมอยู่ในวังวนของความหลงผิด คิดจะช่วยอาจารย์ให้หูตาสว่าง จึงหาโอกาสแวะเวียนไปกราบท่าน เมื่อกราบเสร็จแล้ว
    จึงออกอุบายแปลงกายเป็นพญากุญชรวิ่งเข้าหาอาจารย์ผู้เฒ่า ฝ่ายอาจารย์ผู้สงบสำรวม วางตัวเป็นพระอรหันต์มาโดย
    ตลอดนั้น ครั้นเห็นพญากุญชรวิ่งตรงเข้ามาหาตนเช่นนั้นก็เกิดลืมตัวกลัวจัดรีบวิ่งตัวปลิวเข้ากุฏิไป ลูกศิษย์เห็น เช่นนั้น
    จึงคลายฤทธิ์ ไปกระซิบถามอาจารย์ว่า “อาจารย์ครับ พระอรหันต์ท่านกลัวตายด้วยหรือครับ”ด้วยคำถามนี้เองพระอรหันต์
    ผู้หลงผิดจึงสะกิดใจ ได้สติ หันกลับมาฝึกสมาธิภาวนาตามวิธีที่ถูกต้องจากลูกศิษย์อีกครั้งหนึ่ง เมื่อกลับตัวกลับใจได้มาเดิน
    ในทางที่ถูกต้องแล้ว ใช้เวลาเพียงไม่นานท่านก็ได้บรรลุอริยผลเป็นพระอริยบุคคลชั้นพระอรหันต์ขึ้นมาจริง ๆ ได้เหมือน
    กัน เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ชั้นดี สำหรับผู้ที่มุ่งมั่นพัฒนาจิต ขออย่าได้ประมาทพลาดท่าให้กับกิเลสกันง่ายๆ เพราะไม่เช่นนั้น
    แล้ว อาจกลายเป็นพระอรหันต์จากการแต่งตั้ง พระอรหันต์ขี้ยัวะ พระอรหันต์นักการเมือง หรือไม่ก็เป็นพระอรหันต์ของ
    นักการเงินการธนาคารโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว !





    เสียงอ่านโดย
    ดีเจสายซอ สมาชิกเว็บไซท์วัดเกาะวาลุการาม
    จัดทำเพื่อเผยแผ่เป็นธรรมทาน
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดย D E V : 05-26-2012 เมื่อ 04:31 PM

    ธรรมมีทุกหย่อมหญ้า.......สำหรับผู้มีปัญญา