สมถะวิปัสสนา
ขอถามตามความเข้าใจนี้หน่อยครับ
- ปรมัตถ์คือสภาพจริงที่มีอยู่จริง สัมผัสรู้สึกได้จริงทุกคนไม่ว่าจะเป็นใครๆ ภาษาไหน ประเทศอะไรใช่มั้ยครับ ดังนั้นปรมัตถธรรม คือสภาพธรรมที่เป็นจริง มีอยู่จริง รับรู้ได้จริง โดยมีหลายระดับทั้งจากรู้สึกได้ รับรู้ได้ ไปจนถึง แยกเป็น รูป-นาม ไม่มีเขา ไม่มีเรา บุคคล สิ่งของ ใช่ไหมครับ
- การที่เราปฏิบัติกรรมฐานแบบสมถะ ยกตัวอย่างง่ายๆจากการปฏิบัติของคนทั่วไปคือ หายใจเข้า พุทธ - หายใจออก โธ คือ ระลึกภาวนาพุทธานุสสติเป็นอารมณ์เราเรียกว่าสมถะใช่ไหมครับ
- หากคนทั่วไปที่ยังไม่เคยพิจารณาในสติปัฏฐาน หรือแม้แต่คนที่เจริญในสติปัฏฐานก็จะมองว่า พุทธานุสสติ เป็นการระลึกทำสมาธิแบบสมถะทั่วไป มีบริกรรมภาวนาบัญญัติขึ้นเป็นอารมณ์
- แต่ผมมองอย่างนี้อะครับว่า การกำหนดลมหายใจบริกรรม พุทธ-โธ มันก็เป็นวิปัสนาเช่นกัน เพราะว่าเมื่อหายใจเข้า..เราบัญญัติเรียกว่า "พุทธ" แทนคำว่า "หายใจเข้า" จิตเรานั้นมีสติระลึกรู้กายตนว่ากำลังหายใจเข้า เมื่อหายใจออก..เราบัญญัติเรียกว่า "โธ" แทนคำว่า "หายใจออก" เรามีสติรู้ว่ากำลังหายใจออก ซึ่งสภาพการหายใจเข้า-ออกนั้นก็มีอยู่จริง การบริกรรมภาวนาบัญญัติเป็นแค่ชื่อเรียกที่สมมติขึ้นมา เพื่อให้เข้าใจตรงกันใช่มั้ยครับจะบัญญัติเป็นสมมติเอาสิ่งใดก็ได้
อย่างนี้ผมเข้าใจถูกไหมครับ บางครั้งก้ออยากจะมองว่าเป็นสมถะเพราะให้บัญญัติมันแต่ทว่าเมื่อรู้สภาพจริงบัญญัติก็มาปุ๊บ ดังนั้นหากมีสติระลึกรู้เช่นนี้ก้อถือเป็นสติปัฏฐานด้วยเช่นกันใช่ไหมครับ ช่วยตอบทีเอาแบบกระจ่างใสเลยนะครับ
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ