เราฝึกใจตน ด้วยการทวนกระแสโลกไปเพื่ออะไร

กระทู้: เราฝึกใจตน ด้วยการทวนกระแสโลกไปเพื่ออะไร

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. wiket said:

    เราฝึกใจตน ด้วยการทวนกระแสโลกไปเพื่ออะไร

    เราฝึกใจตน ด้วยการทวนกระแสโลกไปเพื่ออะไร?

    เคยถามตัวเองว่า เราไม่ทานข้าวตอนเย็นทำไม, เราไหว้พระสวดมนต์ ทำสมาธิก่อนนอนทำไม, เราตื่นมาเดินจงกรมตั้งแต่ ตี 4 ตี 5 ทำไม? แล้วเหตุใดเราจึงต้องทำ? ไม่ทำสบายกว่าไหมมีความสุขกว่าไหม? ไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องฝืนโลก
    แต่ตอนนี้ผมไม่ถามคำถามนี้กับตัวเองอีกแล้ว เพราะผมรู้ว่าสิ่งที่ยังทำให้เรายังคงมีความเพียรอยู่ และทำอย่างสม่ำเสมออยู่นี้ มันเป็นความฉลาด เป็นบุญ หรือเป็นความรอบรู้ที่จะเข้าไปเรียนรู้กฎแห่งความจริงของธรรมชาติ ที่ถูกปกปิดอยู่ ถูกทำให้ซ่อนตัวอยู่
    กฎแห่งความจริงของธรรมชาติธรรมชาติที่ว่านี้ คือ ความสุขที่แท้จริง ที่ไม่ได้พึ่งพาสิ่งอื่นๆ มันเป็นความสงบ ร่มเย็น มีพลังแห่งความตื่นและมีความกล้าหาญตั้งมั่น ไม่เล่าร้อน วุ่นวาย
    อันที่จริง คนที่คิดว่านอนมากๆตามความอยากแล้วเป็นสุข, กินมากๆตามความอยากแล้วเป็นสุข,เที่ยวสนุกมากๆตามความอยากแล้วสุข ฯลฯ แท้จริงแล้ว คนเหล่านี้กำลังถูกหลอกลวงอยู่ด้วยกลไกของธรรมชาติอีกแบบนึง ที่นำคนเหล่านั้นไปสู่ด้านมืดสลัว ไม่ใช่ด้านสว่าง ของจิตใจแต่เพราะคนหมู่มาก ไม่เคยได้พบเห็นความสุขแบบสงบร่มเย็น จึงได้ยึดถือเอาว่า ความสุขที่เกิดจากการตอบสนองความอยากในด้านต่างๆ ให้ดีที่สุด นั้นเป็นที่สุด และยิ่งกระแสของความหลงผิดนี้มีสิ่งที่เรียกว่า เทคโนโลยี ที่สามารถตอบสนองความอยากได้อย่างวิจิตรพิสดาร ในสังคมปัจจุบัน มาเป็นเครื่องล่อแล้ว ก็ย่อมให้ความหลงผิดในความสุขที่เกิดจากการดิ้นรน แสวงหา แก่งแย่ง แข่งขัน หรือลงมือทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้มาซึ่งการ เป็นเจ้าของความสุขนั้น มันทวีความรุนแรงมากขึ้นๆ จนผู้แสวงหาความสุขจากสิ่งล่อนั้น สามารถที่จะทำร้ายคนอื่น ทำร้ายสังคม และลงมือกระทำสิ่งที่น่าละอายในทางศีลธรรมที่ถือว่าเป็นเรื่องที่ดูว่าแสนจะธรรมดาสำหรับคนในยุคนี้ไปเสียแล้ว โดยหารู้ไม่ว่านั่นคือกับดักของธรรมชาติด้านมืด ที่กำลังดึงคนที่หลงลงไปให้แช่จม
    การฝึกใจของเราให้ทวนกระแสโลก ด้วยการเดินจงกรม ทำสมาธิ เจริญภาวนานั้น นั่นแหละ คือการที่เรามีความกล้าที่จะต่อสู้กับกลไกของธรรมชาติในด้านมืด เพื่อที่จะปฏิวัติใจของเราเองให้ไปสู่กลไกของธรรมชาติในด้านสว่าง เมื่อความเพียรเริ่มเกิดขึ้นจากความสงสัยที่ว่า เราเกิดมาทำไม? เราเกิดมาเพื่อที่จะดิ้นรน แก่งแย่ง แข่งขัน เพราะยอมก้มหัวให้กับความอยากที่บงการใจเราอยู่ตลอดเวลา แล้วถึงเวลาก็ตายปล่าวไปเท่านี้หรือ ชีวิตของมนุษย์ มีแค่นี้เหรือ?
    ความสงสัยนั้นก็นำตัวเรามาสู่เส้นทางแห่งธรรม ที่พระพุทธองค์ผู้เอาชนะความสงสัยนั้นได้ ผู้ที่ทรงค้นพบเส้นทางที่จะเดินไปสู่การปลดแอก เลิกทาสของใจเรา ต่อตัณหาความอยากที่ครอบใจเราอยู่ ให้เป็นไท อย่างสิ้นเชิงได้
    หนทางแห่งการเจริญสติ ที่เป็นทางเอก อันจะนำเราไปสู่การเจริญในอริยมรรคที่มีองค์ 8 นี้แหละที่เรากำลังดำเนินอยู่ตามรอยทางแห่งพระพุทธองค์ เมื่อเราน้อมมรรควิธีเข้ามาสู่ตน ความเข้าใจในกลไกของธรรมชาติทั้งด้านมืด ด้านสว่าง ของรูป ในนาม อัน คือ กายและใจนี้ ก็เริ่มปรากฎ ความศรัทธาที่จะดำเนินความเพียรต่อไป ก็มีมากขึ้น เพราะใจของเราเริ่มมีคุณภาพพอ ที่จะเข้าไปเห็นทุกข์ภัย เห็นทุกข์โทษ ของการหลงไปตามกระแสโลก ดิ้นรน ชีวิต ไปตามความอยากของใจ ตอบสนองความอยากนั้นด้วยการแสวงหา เห็นว่าสิ่งเหล่านั้น ย่อมเป็นเหตุแห่งทุกข์ เป็นเหตุแห่งธรรมชาติด้านมืด ที่จะเกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นกรรมที่เกิดจากเจตนาที่ไม่ดีเพียงน้อยนิด จนกระทั่งกรรมที่มาจากเจตนาที่ไม่ดีอย่างใหญ่หลวง จนสามรถทำให้ผู้หลงผิดนั้น ลงมือกระทำสิ่งไม่ดีทั้งทางวาจา และทางกายนั้นได้เป็นผลลสำเร็จ เฉกเฉ่นเดียวกับ กรรมที่เกิดจากเจตนาที่ดี วาจาที่ดีและการกระทำที่ดี ย่อมมีผลอันคือ ธรรมชาติของด้านสว่าง จะนำมาซึ่ง ความสุข สงบ ร่มเย็น เป็นผลได้เช่นเดียวกัน
    เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ทุกครั้งที่ใจของผม มีความสงสัย หรือเกิดคำถามขึ้นมาว่า เราปฏิบัติไปเพื่อสิ่งใด? เราฝืนทวนจิตใจที่ไหลไปตามกระแสโลกเพื่อสิ่งใด ความสงสัยนั้น ก็จะจบลงด้วยความอิ่มเต็ม ของความเข้าใจด้วยสติ ด้วยปัญญา ที่เข้าไปรู้แล้ว เข้าไปเห็นอยู่เนืองๆแล้วว่า นี่ตัวเรากำลังทำสิ่งที่เกิดประเสริฐสูงสุดของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ และเป็นเส้นทางที่ประเสริฐที่สุดที่จะนำชีวิตเราไปสู่สิ่งที่ดีที่สุดที่สามารถพิสูจน์ด้วยการน้อมมาปฏิบัติได้อย่างแท้จริง อันคือการไม่กลับมาเป็นทาสของกิเลส ตัณหาอีก อันคือการสิ้นไปแห่งทุกข์สิ้นเชิง ใจก็เลยหมดคำถาม เหลือแต่การเร่งความเพียรของใจ ด้วยการฝึกใจไหลทวนกระแสโลก ให้ก้าวพ้นโลกธรรมไปเจอกระแสแห่งธรรม ที่จะนำเราไปสู่สัมมาทิฏฐิอันชอบ อันเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ที่ใจเราจะไม่เกิดความสงสัยอีก

    นกสองสี
    20 ม.ค. 2555
     
  2. chai_kmutnb said:

    Re: เราฝึกใจตน ด้วยการทวนกระแสโลกไปเพื่ออะไร

    คนๆหนึ่งดูมีชีวิตชีวาที่สุดตอนตกหลุมรัก แห้งแล้งห่อเหี่ยวที่สุดตอนถูกหักอก และเบิกบานเป็นอิสระที่สุดตอนยอมรับความจริงอันไม่เที่ยง

    ดังตฤณ