วิจารณ์แซด! ว.วชิรเมธี สอนอย่างมงายในวิทยาศาสตร์

กลายเป็นประเด็นฮอตฮือฮาทั่วโลกอินเทอร์เน็ต รวมไปถึงวงการศาสนา สำหรับคลิปรายการ ๆ หนึ่ง ที่ถูกตัดช่วงมาโพสต์ลงยูทูป เป็นเนื้อหาการสัมภาษณ์ระหว่างพิธีกร กับ "ว.วชิรเมธี" เป็นคลิปที่มีชื่อว่า "ว.วชิรเมธี อย่างมงายในวิทยาศาสตร์" และมีข้อความระบุใต้คลิปว่า ... "ว.วชิรเมธีเกรียนแตก เพ้อเจ้อว่า "คนสมัยก่อนเหาะได้" ทั้ง ๆ ที่ไม่มีข้อพิสูจน์ใด ๆ แต่กลับอ้างว่า "สิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าไม่มี" แบบนี้ใครจะโม้อะไรก็ได้งั้นสิ แล้วใช้เหตุผลกากเกรียนแบบนี้มาอ้าง แล้วยังบอกอีกว่า "อย่างมงายในวิทยาศาสตร์" ใครกันแน่ที่งมงายในศาสนาจนหัวปักหัวปำ จนไร้เหตุผล จนเชื่อว่าคนเหาะได้โดยไม่ต้องมีหลักฐานข้อพิสูจน์"... ซึ่งคลิปดังกล่าวมีความยาว 2.21 นาที โพสต์โดยคุณ prachathipatuay อัพโหลดลงเมื่อ 16 มีนาคม 2012

ทั้งนี้ คลิปดังกล่าวได้บันทึกการสนทนาระหว่าง พิธีกรและท่าน ว.วชิรเมธี โดยพิธีกรได้ถามว่า "จริงหรือไม่ ถ้ามนุษย์นั่งสมาธิขั้นสูงแล้ว จะเหาะได้ ลอยได้" ทางท่าน ว.วชิรเมธี ตอบว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่สุดในแวดวงศาสนา แต่เขาไม่พูดกันเพราะมันไม่มีราคา เมื่อสมัยก่อนมนุษย์ไม่ได้เดินเท้า หรือใช้เครื่องบิน แต่อย่างใด เขาใช้วิธีเหาะเหินเดินหาว เพราะจิตเขามีวิวัฒนาสูงสุด เขาไม่ได้มีวัตถุมารองรับกาย เพราะเป็นที่รู้ดีกันอยู่แล้วว่า จิตมีอำนาจมากขนาดนั้น

ทั้งนี้ ทางพิธีกรถามแทรกขึ้นมาอย่างไม่เชื่อว่า แต่ตามหลักวิทยาศาสตร์เรื่องดังกล่าวมันเป็นไปไม่ได้ ท่าน ว.วชิรเมธี กล่าวว่า "คุณคิดว่าวิทยาศาสตร์เป็นใคร ถ้าวิทยาศาสตร์บอกว่าไม่ได้ก็แปลว่าไม่ได้ใช่ไหม วิทยาศาสตร์ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเลยหรอ"

ทางพิธีกร จึงกล่าวต่อว่า ก็ในเมื่อมันไม่มีข้อพิสูจน์ และไม่เคยมีใครเหาะได้เลยในอดีต ท่าน ว.วชิรเมธี กล่าวตอบว่า ถ้ามันไม่มีข้อพิสูจน์ เราจะบอกว่ามันไม่มีได้หรือไม่ เพราะฉะนั้น "อย่างมงายในวิทยาศาสตร์"

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางพิธีกรเลยกล่าวถามว่า ตามหลักความเป็นจริงแล้ว มีแต่คนบอกว่า อย่างมงายในศาสนา หรือไม่ก็บอกว่า อย่างมงายในไสยศาสตร์ แต่ท่านกลับบอกว่า อย่างมงายในวิทยาศาสตร์ แล้วความเป็นจริงควรจะยึดหลักอะไร

ทาง ท่าน ว.วชิรเมธี กล่าวตอบว่า มีแต่คนบอกว่า "ศาสนาพุทธนี้ดีนะ เข้ากับวิทยาศาสตร์ได้ด้วย" แต่ความเป็นจริงแล้ว เขาไม่ได้ต้องการสื่อความหมายว่า ศาสนาพุทธนั้นดี เพราะมีหลักคำสอนที่โยงเข้ากับวิทยาศาสตร์ ซึ่งจริง ๆ แล้วเขาศรัทธาในวิทยาศาสตร์จนหัวปักหัวปำ เลยยกย่องพระพุทธศาสนาไปด้วย ถ้าเขาศรัทธาในพุทธศาสนาจริง ๆ เขาจะไม่พูดอะไรเช่นนี้ เนื่องจจากพุทธศาสนามีดีโดยที่ไม่ต้องกล่าวอ้างอะไรเลย

อย่างไรก็ตาม เมื่อคลิปดังกล่าวได้เผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต บรรดาชาวเน็ตต่างก็พากันกดโหวตไม่ชอบ และวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย อาทิ

พระพุทธเจ้า ไม่ได้สอนให้งมงายในสิ่งใด ๆ ไม่ควรเชื่ออะไร เพียงผิวเผิน แต่ให้ฟัง ให้ดู ด้วย เหตุและผล ศาสนา กับ วิทยาศาสตร์ ต้องเดินไปด้วย ส่วนในคลิป ขอไม่พูดถึง

เรื่องสิ่งมีชีวิตนอกโลก ในทางทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ เชื่อว่ามีได้ครับ ถ้ามีไฮโดรเจน ออกซิเจน ไนโตรเจน คาร์บอน ในปริมาณที่ใกล้ ๆ กับโลกเรา และมีอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับยุคนี้แล้วครับ ที่จะเชื่อว่า นอกโลกมีสิ่งมีชีวิต แต่สำหรับคลิปนี้ เพี้ยนสุด ๆ ครับ

เข้าข่าย อวดอุตริมนุสสธรรม...เพ้อเจ้อ!

หมดศรัทราในทันที เคยเชื่อมาตลอดว่าเป็นสายนักปราชญ์

ความดี ปฏิบัติดี ทำดี ด้วยเหตุและผลเท่านั้น ที่ บุคคลที่เรียกกันว่า พระพุทธเจ้า ท่านไม่ได้สอนให้เชื่อเรื่องอภินิหารใดเลย แค่สอนแนวทางความคิดเรื่องการใช้เหตุผล เท่านั้น ในการอยู่ร่วมกันของมนุษย์โลก ที่ศึกษาในศาสนาพุทธ

http://www.youtube.com/v/-IpRBwZAMlk?version=3&hl=en_US

หลังจากที่ผมได้อ่านข่าวนี้ ก็น่าสงสารบุคคลที่ไปปรามาส ท่าน ว.วชิรเมธี จริงๆครับ คงเป็นวาระของเขา เดี่ยวได้ลงอเวจีมหานรกกันหมดแน่
เดี่ยวนี้วิทยาศาสตร์ มักจะมองกันในแง่ของการพิสูจน์ ว่า อะไรที่พิสูจน์ไม่ได้ อย่าเพิ่งไปเชื่อมาก ไม่มีจริง งมงายไร้สาระ ต้องพิสูจน์ได้เท่านั้น
พวกเรียนสูงๆจบด๊อกเตอร์ ก็ยังหนาแน่นไปด้วยอวิชชา ยังหนาแน่นไปด้วยกิเลส โลภะ โทสะ โมหะ
วิทยาศาสตร์เรียนรู้แล้วพัฒนาปัญญาแค่ 2 ตัวเท่านั้น คือ สุตตมยปัญญา และ จินตามยปัญญา นี้คือปัญญาทางโลก ยังมีมิจฐาทิฎฐิอยู่เนืองเเน่น
แต่พวกเขาพวกนักวิทยาศาสตร์ ไม่ได้ พัฒนาปัญญาตัวที่ 3 คือ ภาวนามยปัญญา คือปัญญาที่ทำให้เห็นความเป็นจริงแท้

อย่างเปรต อบายภูมิ สัตว์นรก เดรัจฉาน เทวดา พรหม อายุขัยของมนุษย์ การเวียนว่ายตายเกิดในวัฎสงสาร
พระพุทธเจ้าท่านก็เทศไว้หมดแล้วว่ามีอยู่จริง พระองค์ทรงเป็นผู้สัพพัญญู
ไม่มีใครดีไปกว่าพระพุทธเจ้าท่านอีกแล้ว ผมเชื่อแบบนั้นครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์เดฟ พี่ชัยและญาติธรรมทุกท่านค่ะ
หนูไม่มีความรู้ด้านนี้แต่อยาก(มนุษย์เรามีความอยาก อ่ะนะอิอิ)ขอแสดงความคิดเห็นค่ะ
ก่อนที่จะพัฒนาก้าวไกลไปถึงดวงจันทร์ในด้านวิทยาศาสตร์
ก็ต้องผ่านการทดลองซึ่งงความคิดนี้ก็มาจากภูมิปัญญาของมนุษย์ทั้งสิ้นค่ะ
คนสมัยก่อนช่วงขายาวกระมังคะจึงเดินเหินได้เร็ว
เหาะเหินได้ด้วยแรงฤทธิ์ค่ะ
ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะภูมิปัญญา กะวิทยาศตร์ของคู่กันค่ะ
บางอย่างบางเรื่องก็ไม่มีหลักฐานที่ให้พิสูจน์หรอกค่ะ
มาจากความเชื่อความศัทราค่านิยมที่เรียนรู้จากบรรพบรุษนะคะ
ไม่ต้องใช้หลักวิทยาศาสตร์ค่ะ
สาธุค่ะ

ผมว่าตอนสมัยที่เรียนตามมัธยม หนังสือเรียนยังมีกล่าวไว้เลยว่าพระภิกษุสมัยพระพุทธเจ้าเหาะได้

กว่าจะรู้ว่าไฟร้อน ก็ต้องสัมผัสกับความร้อนของไฟ