ฝ่ายพระหน่อ บพิตร อิสเรศร์ กับพราหมณ์เทศ อยู่บน มณเทียรสถาน
เข้าพิทักษ์ รักษา พยาบาล ค่อยสำราญ หายเหนื่อย ที่เมื่อยล้า
พอรอนรอน อ่อนแสง พระสุริยง อัศดง แดดดับ ลับเวหา
พระเผยแกล แลดู ดวงดารา เหมือนนวลหน้า นุชน้อง ละอองนวล
เสียดายนัก ภคินี เจ้าพี่เอ๋ย แม้นได้เชย จะประคอง ครองสงวน
ธุระรัก หนักใน ใจรัญจวน ยิ่งอักอ่วน อารมณ์ ให้ตรมตรอม
กำแพงวัง ยังกั้น อยู่ชั้นหนึ่ง ไฉนจึง จะได้แอบ แนบถนอม
ที่รักลอบ ปลอบประโลม ก็โน้มน้อม แต่กีดจอม จักพรรดิ์ ถนัดใจ
จึงปรึกษา สามพราหมณ์ ตามวิตก เหมือนน้องยก เมรุมาศ ไม่หวาดไหว
จะปลอบมิตร คิดอ่าน ประการใด จึงจะได้ ดอกฟ้า ลงมาชม ฯ
เจ้าพราหมณ์ตอบ ปลอบน้อง อย่าหมองหมาง พระนุชนาง ปลงจิตต์ สนิทสนม
ไม่คลาดแคล้ว แล้วพ่อ รออารมณ์ คงจะสม จิตต์น้อง ที่ตรองการ
เรารบสู้ กู้เมือง ช่วยเปลื้องทุกข์ ได้ผาสุก สืบสมบัติ พัสถาน
เห็นทรงฤทธิ์ บิดา ยุพาพาล จะประทาน รางวัล เป็นมั่นคง
เราอย่ารับ กลับคืน ถวายไว้ จึงค่อยไข ข้อความ ตามประสงค์
พี่คาดจิตต์ ปิตุราช มาตุรงค์ คงให้องค์ พระธิดา ด้วยปรานี
หากมาดแม้น แหนหวง ทำหน่วงหนัก จึงค่อยลัก กัลยา เจ้าพาหนี
ความคิดพี่ นี้เห็น เป็นเช่นนี้ พ่อเห็นดี ด้วยบ้าง หรืออย่างไร ฯ
หน่อกษัตริย์ ตรัสตอบ ว่าชอบอยู่ ทำจู่ลู่ ก็จะขัด อัชฌาสัย
จะรั้งรอ ฟังดู ภูวนัย แม้นไม่ให้ โดยดี ก็มิฟัง
แล้วเอนเอก เขนกนิ่ง อิงเขนย หอมระเหย หวนกลิ่น ถวิลหวัง
เห็นปรางค์ทอง น้องนาง อยู่กลางวัง คะนึงนั่ง นึกหมาย ไม่วายครวญ ฯ
ฝ่ายพระนุช บุตรี ศรีสวัสดิ์ นางกษัตริย์ เศร้าสร้อย ละห้อยหวน
นึกปรานี ศรีสุวรรณ ยิ่งรัญจวน มาหมองนวล เหนื่อยยาก ลำบากองค์
ที่การศึก นั้นก็เสร็จ สำเร็จทุกข์ ที่การสุข ยังไม่สม อารมณ์ประสงค์
แสนเสียดาย ป่านฉะนี้ พระโฉมยง จะโศกทรง เศร้าหมอง ถึงน้องน้อย
เมื่อจากกัน วันนี้ ที่ข้างหน้า ดูพัตรา ผ่านเกล้า เห็นเศร้าสร้อย
ยิ่งรำลึก นึกน้ำ พระเนตรย้อย แต่หลับม่อย แล้วสดุ้ง จนรุ่งราง
จึงให้สี่ พี่เลี้ยง เก็บดอกไม้ ดอกมลิปลูกไว้ ในกระถาง
ใส่ขันทอง รองพาน คลานมาวาง พระนุชนาง กรีดก้อย ร้อยมาลัย
เรียงประดับ ซับซ้อน ค่อยสอดเข็ม เป็นพวงเต็ม ห่อเสร็จ แล้วเด็ดใหม่
อันมาลี ที่กระถาง ริมปรางค์ไชย พอเก็บได้ คนละขัน วันละพวง
ใส่พานทอง ตองเจียน ประจงปิด ให้ทรงฤทธิ์ รูปทอง เป็นของหลวง
ส่วนนารี พี่เลี้ยง สิ้นทั้งปวง ต่างร้อยพวง มาลัย ให้เจ้าพราหมณ์
สารภี พิกุล ดอกบุนนาค ประสายาก เถิดนะเรา เจ้าทั้งสาม
ศรีสุดา ได้ดอกเข็ม เห็นเต็มงาม จะให้พราหมณ์ หน่อกษัตริย์ ขัตติยา
นางโฉมยง ทรงตรัส ว่าผลัดเปลี่ยน เป็นเวรเวียน กันไป ให้บุบผา
ทูลถวาย กว่าจะวาย ดอกมาลา วันนี้พี่ ศรีสุดา ไปประเดิม ฯ
นางนารี ศรีสุดา หน้าเป็นเหม แสนเกษม แกล้งว่า อย่ามาเสริม
มาลัยหลวง พวงหอม เป็นจอมเจิม ฉันพลอยเติม ตามประสา เป็นข้าไท
แล้วเข้าห้อง ส่องกระจก จับกระเหม่า ขี้ผึ้งเข้า ชันย้อย สอยไม่ไหว
เป็นการด่วน จวนจน ต้องลนไฟ กรีดจุไร รอบเรียบ ระเบียบกลม
แล้วผัดหน้า ทาจันทน์ กระแจะแป้ง นุ่งยกแย่ง พื้นตอง ปักทองถม
ทั้งกรองทอง รองปิด ให้ชิดชม ดูสวยสม เป็นบัลลังก์ ที่นั่งรอง
จึงขึ้นบน มณเฑียร ทำเมียงมอง
เจ้าพราหมณ์ร้อง เชิญว่า มาข้างนี้ ฯ
พี้เลี้ยงนั่ง ตั้งพาน พวงบุบผา ไว้ตรงหน้า หมอบประณต บทศรี
แล้วว่าองค์ นงนุช พระบุตรี ร้อยมาลี มลิลา มาประทาน
ดอกเข็มขาว พวงนั้น หม่อมถวาย แต่กลิ่นอาย คลายพร้อม ไม่หอมหวาน
สารภี ที่ใส่ มาในพาน ของเยาวมาลย์ แม่อุบล คนสำคัญ
ดอกพิกุล คุณจงกล เป็นคนร้อย ประภาน้อย ดอกบุนนาค เขาฝากฉัน
ให้สามพราหมณ์ ตามมี ไมตรีกัน แกล้งรำพรรณ ภ้อให้ ในทำนอง ฯ
หน่อกษัตริย์ ตรัสตอบ ว่าขอบจิตต์ จะได้ชิด ชมพลาง ต่างเจ้าของ
หยิบบุบ ผามาลัย มาใส่ลอง พอได้สอง หัตถา เป็นขวาซ้าย
จึงตรัสว่า ดอกเข็ม นี้เต็มรัก จะเคียงพักตร พี่ไว้ มิให้หาย
นางฟังคำ ทำเมิน สะเทิ้นอาย ทั้งสามนาย ยิ้มแย้ม กระแอมไอ
เจ้าสานน นั่งชม ดมบุนนาค อุบลฝาก มาให้ชิด พิสมัย
เจ้าวิเชียร เชยพิกุล ฉุนอาลัย ถึงสายใจ เจ้าจงกล เป็นคนเคย
เจ้าโมรา ดมสารภีรื่น ช่างหอมชื่น เช่นประภา นิจจาเอ๋ย
ต่างประคอง ของคู่ ขึ้นชูเชย ไฉนเลย หลบหน้า ไม่มาเยือน
แล้วต่างสั่ง ศรีสุดา ว่าช่วยบอก ถึงได้ดอกไม้ไว้ ก็ไม่เหมือน
แม้นเมตตา อีกสักห้า หกเจ็ดเดือน ขอเชิญเชือน มาบ้าง อย่าหมางเมิน
ศรีสุดา ว่าคิด จะไปว่า ให้ได้มา แนบข้าง ไม่ห่างเหิน
หน่อกษัตริย์ ตรัสว่าล้อ ให้พอเพลิน ค่าเชิงเดิน คงจะได้ เป็นไรมี
ช่วยทูลแก้ว เกษรา เถิดหนาเจ้า พี่นอนเฝ้า ฝันว่า พากันหนี
จะขอคำ ทำนาย ร้ายหรือดี รุ่งพรุ่งนี้ นะจงออก มาบอกกัน ฯ
ศรีสุดา อภิวาท ฉลาดพูด เทวทูต ท่านมาเตือน จนเฟือนฝัน
ข้ากับเจ้า คราวยาก จะจากกัน กระหม่อมฉัน นึกหมาย จะวายวาง ฯ
พระแย้มยิ้ม พริ้มพราย ภิปรายตรัส เห็นไม่พลัด พรากน้อง อย่าหมองหมาง
เจ้าร่วมจิตต์ ชิดใช้ อยู่ในนาง คงเคียงข้าง คู่กัน จนวันตาย ฯ
ศรีสุดา ดีใจ ใครจะเหมือน แต่ไหลเลื่อน ลืมตน อยู่จนสาย
ก็ลาพระ โฉมงาม กับสามนาย ค่อยนาถกราย กลับหลัง เข้าวังใน
นางทูลความ ตามสั่ง มาทั้งหมด แล้วซ้ำปด เติมแต่ง แถลงไข
ครั้นรุ่งเช้า สาวน้อย ร้อยมาลัย ลอบไปให้ ชู้ชาย ไม่วายวัน ฯ
สมเด็จท้าว ทศวงศ์ พงศ์กษัตริย์ พูลสวัสดิ์ วายวิโยค ที่โศกศัลย์
ครั้นรุ่งแสง สุริย์ฉาย ขี้นพรายพรรณ จะรางวัล โยธา ที่ราวี
จึงออกนั่ง ยังท้อง พระโรงหลวง พร้อมกระทรวง เสนาบดีศรี
หน่อกษัตริย์ กับสาม เจ้าพราหมณ์ชี มาอยู่ที่ เฝ้าพร้อม น้อมประณต
ต่างบังคม บดินทร์สูรย์ ทูลถวาย ว่าศึกฝ่าย นอกที่มา ล่าไปหมด
สมเด็จท้าว ทศวงศ์ ทรงพระยศ จึงเผยพจนาตถ์ ประภาษพลัน
ให้เอาเงิน เสื้อผ้า มาประทาน เหล่าทหาร ชาญกำแหง แข็งขยัน
พวกนายมูล ขุนนาง ได้รางวัล ทั้งบ่าวบรรดาได้ ไปสงคราม
แม้พระองค์ ทรงตรัส กับข้าเฝ้า บุรีเรา ราบเตียน ที่เสี้ยนหนาม
จะรางวัล ฉันใด ให้เจ้าพราหมณ์ จะสมตาม ความชอบ ประกอบการ ฯ
ฝ่ายอำมาตย์ เสนา พฤฒามาตย์ เฝ้าพระบาท ดาษดา อยู่หน้าฉาน
ทูลสนอง ต้องตาม ความโบราณ พระอวตาร พูลบำเหน็จ เมื่อเสร็จทัพ
ให้เสนา พานรินทร์ ไปกินเมือง ได้เจียดทองรองเรือง เครื่องประดับ
ซึ่งเจ้าพราหมณ์ รบแขก ให้แตกยับ ก็ต้องกับ มีนัย พระอัยการ
ควรจะให้ ไปรักษา อาณาเขต ครองประเทศ ธานินทร์ เป็นถิ่นฐาน
ทั้งเครื่องทรง มงกุฎ สร้อยสังวาล ควรประทาน ให้เจ้าพราหมณ์ ตามทำนองฯ
สมเด็จท้าวเจ้าบุรินทร์บดินทร์สรูย์ ได้ฟังทูลถูกระบอบตอบสนอง
ยังมีต่อ