ขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้าทุก ๆพระองค์ พระธรรมเจ้าทุก ๆ พระธรรมขันธ์ พระอริยสงฆ์ และท่านทั้งหลายผู้กำลังแสวงหาความเจริญทั้งสิ้น

หลังจากหายหน้าหายตาไปนานวันนี้ก็ได้มีโอกาสกลับมาเขียนเรื่องราวดีดีให้ท่านทั้งหลายผู้แสวงหาความเจริญได้ฟัง เหมือนที่ได้ตั้งหัวข้อนี้ขึ้นมาเนื่องมาจากที่ผู้เขียนเองได้ไปทำบุญยังสถานที่ต่าง ๆ เห็นคนทำบุญมากมาย
จึงได้พิจารณาด้วยปัญญาอันน้อยนิดแล้วได้เขียนในวันนี้ การทำบุญนั้นย่อมเป็นสิ่งที่ดีเป็นบุญกุศล แต่หากเราเอาแต่ทำบุญ ทำบุญแต่ไม่ทำใจแล้วบุญที่ได้ก็จะส่งผลได้น้อยนิดเช่นกัน บางคนทำบุญเพราะเอาหน้า ซักแต่ว่าทำไม่ได้คิดถึงใจตัวเองเลย คิดแต่ว่าทำ ๆไปเถอะเดียวก็ได้บุญ แล้วพอผลกรรมเก่าส่งผลก็ไปโทษว่าทำไมทำแล้วทำไมบุญไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น ประเด็นหลักของการทำบุญคือทำใจ ทำใจเพื่ออะไรเราทำบุญแล้วเราเสียดายเงินหรือไม่ ทำแล้วรู้สึกสบายใจขึ้นหรือไม่ ทำแล้วตัดความโลภที่อยากได้มากขึ้นไหม บางคนทำบุญไปแทนที่จะทำใจตามกลับไปหวังจะเอาบ้าน จะเอานู้นเอานี่ ใจที่ตั้งไว้ในกุศลที่จะได้เต็ม ๆที่ก็พลอยลดหย่อนกันไป แต่ถ้าหากเราทุกท่านทำบุญเป็นปกติด้วยใจที่เบิกบานไม่จำเป็นจะต้องไปทำมาก ๆ ๆ แต่ให้ทำทุกวันไม่ใช่แค่ทำบุญวันนี้วันนี้ไปมาก ๆแล้วไม่ต้องทำอีกแล้วแบบนี้ก็ไม่ใช่ จะให้คนกินข้าว1ถึงแล้วอิ่มไป10ปีคงไม่ได้ เราจึงจะต้องหมั่นทำหมั่นกิน ใจก็เป็นสิ่งที่ต้องเตรียมหากเราทำบุญแล้วทำใจ บุญก็ได้ใจก็ดีได้ทั้งสุขภาพของกรรมดี กิเลสก็จะค่อย ๆลดลง ลดลง ลดลง ไม่ใช่ เพิ่มพูน เพิ่มพูน เพิ่มพูน ทำใจที่ตั้งมั่นว่าเราสละสิ่งของของเราด้วยใจที่เป็นผู้ให้ ไม่ใช่ทำแล้วขอให้รวยให้รวย แต่เราต้องสำรวจใจก่อนว่าใจเราตั้งพร้อมหรือเปล่า ถ้าหากพร้อมก็ตั้งต่อด้วยอานิสงส์ของการทำบุญที่ขอให้เกิดอะไรท่านทั้งหลายก็ว่าไป แต่คณะท่านทั้งหลายกำลังกล่าวอยู่สำรวจใจ ใจเป็นอย่างไร? ใจอิ่มในบุญกุศลนั้นแรงกล้ายิ่งนัก ใจโลภในบุญกุศลนั้นก็น้อยเหลือหลาย เปรียบเหมือนคนหนึ่งคนตักน้ำถ้วยถังน้ำแต่ถังน้ำเกิดมีรูรั่วน้ำที่ท่านจะได้ดื่มก็ลดลงไป หากแต่อีกคนตักน้ำด้วยแก้วน้ำซึ่งไม่มีรอยรั่วน้ำที่บุคคลนั้นได้ย่อมเต็มที่ฉันใด บุคคลผู้ทำใจแล้วทำบุญย่อมได้อานิสงส์เต็มเปี่ยมด้วยฉันนั้น

สาธุ สาธุ สาธุ