พิจารณา กับ วิปัสนา

.
ส่วนที่กล่าวถึง "กะเทย"
ในที่นี้คงจะหมายถึงชายแต่งหญิง
กระตุ้งกระติ้งอยากเป็นหญิง
(หรือหญิงแต่งชาย ทำท่าทางห้าวๆ อยากเป็นชาย)
แล้วสงสัยว่าทำไมถึงกล่าวว่าไม่มีเพศ
คือเข้าใจว่าไม่มีภาวรูปเกิดร่วมด้วยใช่ไหมครับ

จริงๆ แล้วผู้ที่เกิดมาบกพร่องจริงๆ
โดยไม่มีภาวรูปเกิดร่วมด้วยเลยนั้น
ได้แก่บัณเฑาะก์ชนิดหนึ่ง คือ นปุงสกบัณเฑาะก์ น่ะครับ

ด้วยอำนาจของกรรม (มักจะเกี่ยวกับการประพฤติผิดในกาม)
ทำให้ปฏิสนธิด้วย อุเบกขาสันตีรณกุศลวิบากจิต
โดยไม่มีภาวรูปเกิดร่วมด้วยเลยในปฏิสนธิกาล

เมื่อเจริญเติบโตขึ้น
รูปร่างที่เห็นเป็นทรวดทรงนั้น
ก็เป็นแต่เพียงว่ามีรูปร่างอย่างนั้น
ไม่ได้มีภาวรูปเกิดร่วมด้วย
แต่ว่าสัญญาความทรงจำของคนอื่นๆ ที่ได้พบเห็น
ก็ทำให้เข้าใจว่าทรวดทรงอย่างนี้ๆ เป็นชายหรือเป็นหญิง
ตามความทรงจำในทรวดทรงซึ่งคุ้นเคยกันมาน่ะครับ

ส่วนบัณเฑาะก์ชนิดอื่นๆ นั้นมีภาวรูปได้ครับ
รายละเอียดของบัณเฑาะก์นั้นมีหลายชนิด
แต่เอาพอสังเขปคร่าวๆ เพียงเท่านี้ก่อน
จะได้ไม่เยิ่นยาวเกินไปน่ะครับ

อนุโมทนาครับ





เดฟ

สาธุ กราบอนุโมทนาท่านเดฟและคุณอุบาสิกาด้วยครับ

ขอบพระคุณมากค่ะพี่เดฟในคำอธิบาย เข้าใจเรื่องความสำคัญของอวินิพโภครูปในส่วนหนึ่งแล้วค่ะ คิดตามนะค่ะ (เพราะพระปัญญาจริงๆ ที่เฉลยให้เราได้ฟังและพิจารณาตาม)แต่ความสงสัยที่สะสมมาเย๊อะ มันย่อมมีอีก แต่เอาไว้แค่นี้ก่อนเนาะค่ะ เพราะการศึกษาถ้าเข้าใจในบางส่วนได้แล้ว เมื่อเราได้อ่านทบทวนบ่อยๆ สิ่งที่คิดว่าไม่น่าเข้าใจได้ ก็พอเข้าใจตามได้บ้าง สังขารขันธ์ทำงาน ถึงแม้ยังไม่ประจักษ์ตัวจริง ^^
อนุโมทนาค่ะ สาธุ๊ๆๆๆพี่เดฟและคุณโจ๋ค่ะ