สงสัยเรื่องขอบเขตของศีลข้อ 2ครับ

กระทู้: สงสัยเรื่องขอบเขตของศีลข้อ 2ครับ

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. คมสัน said:

    Lightbulb สงสัยเรื่องขอบเขตของศีลข้อ 2ครับ

    คือว่า ปกติ ผมว่างๆ ผมจะชอบดูหนังบนเน็ตที่เขียนว่า ดูหนังออนไลน์ฟรี เป็นประจำ เผอิญฉุดคิดขึ้นได้แต่ก็ไม่เคยไปโหลดมาเลยนะครับแค่ดูเฉยผ่านทางเว็บเฉย มันจะผิดศีลข้อ2ด้วยไม่ครับ และอย่างเช่น
    โปรแกรมต่างๆในคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น anti virus ,windowของปลอมทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น micosolf wordที่คนส่วนใหญ่ใช่ในการทำงานอีก ถ้าwindowแท้ก็เกือบหมื่นผมคงไม่มีปัญญาซื้อ และเกมที่เราเล่นกันในปัจจุบัน ผมก็ซื้อก็มาจากแผ่นปลอมทั้งนั้น ถ้าแผ่นแท้ก็คงได้เดือนละเกม ราคาเกมpc ของแท้อยู่ที่ 1000-3000 มีกำลังซื้อได้เดือนละครั้ง ถ้าผิดมากน้อยเพียงใดช่วยแนะนำด้วยนะครับ ผมจะได้พยามลด ละ เลิก ซื้อของแท้ได้ถ้ากำลังเงินผมมี
     
  2. รูปส่วนตัว D E V

    D E V said:
    .
    สวัสดีครับ คุณคมสัน

    ในเรื่องนี้ คงต้องอาศัยข้อกำหนดของกฎหมายที่เกี่ยวกับลิขสิทธิ์น่ะครับ
    ลองดูที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย พอเป็นแนวทางก่อนแล้วกันนะครับ

    (คัดมาบางส่วน)
    - งานสร้างสรรค์ที่จะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ต้องเป็นงานในสาขา วรรณกรรม นาฎกรรม ศิลปกรรม ดนตรีกรรม โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง งานแพร่เสียงแพร่ภาพ รวมถึงงานอื่น ๆ ในแผนกวรรณคดี วิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ งานเหล่านี้ถือเป็นผลงาน ที่เกิดจากการใช้สติปัญญา ความรู้ความสามารถ และความวิริยะอุตสาหะ ในการสร้างสรรค์งานให้เกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ

    - ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียว ในการใช้ประโยชน์จากผลงานสร้างสรรค์ของตน ในการทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ต่อสาธารณชน รวมทั้งสิทธิในการให้เช่า โดยทั่วไปอายุการคุ้มครองสิทธิจะมีผลเกิดขึ้นทันทีที่มีการสร้างสรรค์ผลงาน โดยความคุ้มครองนี้จะมีตลอดอายุของผู้สร้างสรรค์ และคุ้มครองต่อไปอีก 50 ปีนับแต่ผู้สร้างสรรค์เสียชีวิต

    การละเมิดลิขสิทธิ์

    • การละเมิดลิขสิทธิ์โดยตรง : คือ การทำซ้ำ ดัดแปลง เผยแพร่โปรแกรมคอมพิวเตอร์แก่สาธารณชน รวมทั้งการนำต้นฉบับหรือสำเนางานดังกล่าวออกให้เช่า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์



    • การละเมิดลิขสิทธิ์โดยอ้อม : คือ การกระทำทางการค้า หรือการกระทำที่มีส่วนสนับสนุนให้เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าวข้างต้นโดยผู้กระทำรู้อยู่แล้ว ว่างานใดได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น แต่ก็ยังกระทำเพื่อหากำไรจากงานนั้น ได้แก่ การขาย มีไว้เพื่อขาย ให้เช่า เสนอให้เช่า ให้เช่าซื้อ เสนอให้เช่าซื้อ เผยแพร่ต่อสาธารณชน แจกจ่ายในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าของลิขสิทธิ์และนำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักร


    รายละเอียด
    http://www.microsoft.com/thailand/piracy/iplaw.aspx




    เดฟ

    สรณะคือพระรัตนตรัย
     
  3. รูปส่วนตัว D E V

    D E V said:
    .
    จะเห็นได้ว่ากฎหมายลิขสิทธิ์มุ่งปกป้องไม่ให้ทำซ้ำเพื่อเผยแพร่หรือทำเป็นการค้า
    ผู้ที่จงใจกระทำเช่นนั้นก็ย่อมผิดทั้งกฎหมายและผิดศีลข้อ 2

    ส่วนผู้ซื้อ, เช่า, โหลด, รับมาใช้ ซึ่งอยู่ในฐานะผู้บริโภค
    หากรู้อยู่แก่ใจว่ากำลังซื้อ, เช่า, โหลด, รับมาใช้
    ในสิ่งที่เค้าลักลอบทำโดยไม่ได้รับอนุญาต
    แม้ตนเองจะไม่ได้เป็นผู้ละเมิดลิขสิทธิ์โดยตรง
    แต่ก็เสมือนรู้เห็นเป็นใจน่ะครับ (เพราะรู้อยู่แก่ใจ)
    ซึ่งถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยงน่ะครับ

    แต่ถ้าขณะนั้นไม่ได้มีส่วนรับรู้ใดๆ
    เป็นแต่เพียงเจตนาซื้อ, เช่า, โหลด, รับมาใช้
    ในวัตถุที่เค้าขาย, ให้เช่า, แจก
    เพื่อนำมาใช้เฉพาะตน หรือเพื่อการศึกษา
    ก็ไม่เข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์ และไม่ละเมิดศีลข้อ 2 น่ะครับ




    เดฟ

    ปล. หากท่านใดที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย
    มีความเห็นหรือมีคำแนะนำเพิ่มเติมอย่างไร...ก็ขอเชิญนะครับ

    สรณะคือพระรัตนตรัย
     
  4. รูปส่วนตัว D E V

    D E V said:
    .
    สำหรับศีลข้อ 2 คือเว้นจากการลักทรัพย์
    เว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้
    มีองค์ประกอบ 5 ประการ ได้แก่

    1. ปรปริคฺคหิตํ.....วัตถุนั้นมีเจ้าของหวงแหน
    2. ปรปริคฺคหิตสญฺญิตา.....รู้ว่ามีเจ้าของหวงแหน
    3. เถยฺยจิตฺตํ.....จิตคิดจะลัก (มีเจตนาที่จะลัก)
    4. อุปกฺกโม.....เพียร (กระทำ) เพื่อจะลัก
    5. เตน หรณํ....ได้วัตถุนั้นมาด้วยความเพียรนั้น

    หากครบองค์ประกอบทั้ง 5 นี้
    ก็เป็นบาปหรืออกุศลกรรมที่กระทำแล้วโดยสมบูรณ์น่ะคับ

    การลักทรัพย์
    หมายถึง การละเมิดกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของคนอื่น
    ของหมู่คณะ หรือของส่วนรวม
    เอามาเป็นของตนโดยวิธีของโจร ที่เรียกว่า โจรกรรม
    การเว้นจากการกระทำโจรกรรม ๑๔ อย่าง คือ

    ๑. ลัก ได้แก่ การขโมยเอาลับหลัง

    ๒. ฉก ได้แก่ ชิงเอาซึ่ง ๆ หน้า

    ๓. กรรโชก ได้แก่ ขู่ให้เขากลัวแล้วให้ทรัพย์

    ๔. ปล้น ได้แก่ การรวมหัวกันหลายคนตีปล้นเอาทรัพย์

    ๕. ตู่ ได้แก่ การอ้างหลักฐานพยานเท็จเอาทรัพย์ของคนอื่น

    ๖. ฉ้อ ได้แก่ การทำอุบายฉ้อฉลให้เจ้าทรัพย์ตามไม่ทันแล้วเอาทรัพย์

    ๗. หลอก ได้แก่ การปั้นเรื่องขึ้นหลอกให้เขาหลงเชื่อแล้วให้ทรัพย์

    ๘. ลวง ได้แก่ การใช้เครื่องมือแลกเปลี่ยนผิดมาตรฐานตบตาคนอื่น

    ๙. ปลอม ได้แก่ การทำของปลอมใช้ของปลอมแลกเปลี่ยนได้ทรัพย์มา

    ๑๐. ตระบัด ได้แก่ บิดพลิ้วคำมั่นสัญญาเพื่อเอาทรัพย์

    ๑๑. เบียดบัง ได้แก่ การปกปิดซ่อนทรัพย์จนเจ้าของทอดอาลัยแล้วเอาเสีย

    ๑๒. สับเปลื่ยน ได้แก่ การสลับทรัพย์ของตนกับของคนอื่นถือเอาที่ตนต้องการ

    ๑๓. ลักลอบ ได้แก่ การหลีกเลี่ยงไม่จ่ายตามพิกัด เช่น เลี่ยงภาษี

    ๑๔. ยักยอก ได้แก่ การใช้อำนาจหน้าที่จำหน่ายทรัพย์ของผู้อื่นมาเป็นของตนโดยมิชอบ

    ผู้ใดกระทำโจรกรรม ๑๔ อย่างนี้ ได้ทรัพย์มา ศีลขาด


    และให้สังเกตว่า ที่ว่าได้ทรัพย์มานั้น

    หมายถึงการได้ทรัพย์ของตนเองก็มี
    เช่น ข้อที่ ๑๓ ควรจะจ่ายเงินเสียภาษีเท่าไหร่
    แต่หลบเลี่ยงไม่เสียภาษีตามอัตรากำหนดนั้น
    ก็ถือว่าได้มาด้วยโจรกรรม


    ฉายาโจรกรรม


    นอกจากระมัดระวังไม่กระทำโจรกรรมแล้ว
    ควรงดเว้นจากการกระทำที่เป็นฉายาโจรกรรมด้วย
    ศีลก็บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น ถ้าเว้นไม่ได้ ศีลก็ด่างพร้อย


    ฉายาโจรกรรม บางแห่งท่านแยกลักษณะออกเป็น ๒ อย่าง คือ
    เป็นอนุโลมโจรกรรม ๑
    เป็นฉายาโจรกรรม ๑


    ก. อนุโลมโจรกรรม ได้แก่

    (๑) การสมโจร คือการสนับสนุนให้คนอื่นทำโจรกรรม

    (๒) ปอกลอก คือ การคบคนอื่นเพื่อหวังหลอกเอาทรัพย์ (เช่นทำเป็นรักเขา)

    (๓) รับสินบน คือ รับสินจ้างให้ตนกระทำผิดหน้าที่


    ข. ฉายาโจรกรรม ได้แก่

    (๑) ผลาญ คือ การทำให้ทรัพย์สินของคนอื่นเสียหาย เช่น เผาบ้านเรือนเขา

    (๒) หยิบฉวย คือเอาสิ่งของของคนอื่นมาด้วยความมักง่าย ทำนองถือวิสาสะ

    สังเกตว่า ตามข้อ (๑) การผลาญทรัพย์
    เป็นการทำให้ทรัพย์ของคนอื่นเสียหาย
    ด้วยความขัดเคืองใจ หรือด้วยความคะนอง
    ไม่ถือเอาทรัพย์นั้นเป็นของตน
    แต่ก็เป็นเรื่องที่อาจร้ายแรงยิ่งกว่าการถือเอาทรัพย์ก็ได้
    เช่น การวางเพลิง เป็นต้น




    เดฟ

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดย D E V : 07-29-2013 เมื่อ 08:21 AM

    สรณะคือพระรัตนตรัย
     
  5. คมสัน said:
    ขอบคุณมากครับ ผมจะพยายยาม ถ้าเลี่ยงก็จะเลี่ยงครับ
     
  6. RooT said:
    อะไรที่ไม่ใช่ของของเรา แล้วเราก็ยังจะเกิดความอยากได้ มีการไปเอามาเป็นของของเรา ....แล้วสิ่งที่เคยเป็นของเรา มีเราเป็นเจ้าของผู้ครอบครองอยู่นั้น เราจะสละออกไป มันก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่
     
  7. รูปส่วนตัว chocobo

    chocobo said:
    กราบอนุโมทนาครับ

    อยากจะขอถามเพิ่มเติมในเรื่องศีลข้อ 2 หน่อยอ่ะคับ 3 กรณี


    1.ในกรณีที่สิ่งของนั้น เราได้มาโดยชอบธรรม เช่น อาจจะเป็นของอย่างหนึ่งๆ ที่เราไปหาซื้อมาโดยสุจริต

    แต่ของนั้นเป็นของโจร เป็นของที่เขาขโมยมาขาย ทีนี้เมื่อตรวจสอบได้ ทางเจ้าของเขาจะขอคืน แต่เราไม่คืน โดยอ้างว่าเพราะเราได้มาโดยชอบธรรม แม้เขาจะจ่ายเงินคืนให้ แต่เราก็ไม่คืน

    จะชื่อเราผิดศีลด้วยไหมครับ


    2.อีกกรณีคล้ายๆกับแบบบน แต่เขาไม่ได้มาทวงคืน แต่เรามารู้ทีหลังว่านี่ของโจรขโมยมา ประมาณว่า ตอนซื้อมาก็ซื้อมาสุจริต ไม่ทราบว่านี่ของโจรขโมยมา แต่มารู้ทีหลังว่านี่ของโจร เจ้าของเขาก็หวงแหน รู้เจ้าของ แต่ก็เฉย ไม่เอาไปคืน เพราะได้มาโดยชอบธรรม


    3.กรณีสุดท้าย รู้ว่าสิ่งนั้นเป็นของโจร ได้มาโดยไม่ชอบธรรม แต่ก็ไปซื้อ เพราะคิดว่า ในเมื่อตอนนี้โจรก็ขโมยมาแล้ว ของก็มีโจรนั่นแหละเป็นเจ้าของของ เพราะงั้นเจ้าของ(คือโจร)เอามาขาย เราก็ซื้อ ก็เป็นการกระทำโดยสุจริต


    ในสามกรณีนี้ วิเคราะห์อย่างไร มีอันไหนผิดศีลข้อสองบ้างหรือไม่ครับ (หรือผิดข้ออื่นไหม เช่นอภิชฌา)
     
  8. รูปส่วนตัว D E V

    D E V said:
    .
    ทั้ง 3 กรณีที่น้องโจ๋ยกตัวอย่างมานั้น
    เหมือนกันตรงที่เข้าข่ายรับซื้อของโจรน่ะครับ
    เป็นการถือครองของที่เจ้าของไม่ได้ยินยอมให้โดยสมัครใจ

    แม้ว่าเราจ่ายเงินซื้อมาก็จริง
    แต่โจรไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ที่ถูกต้อง
    ของนั้นจึงมีที่มาไม่สุจริต

    ขอยกตัวอย่างเป็นกรณีศึกษาเพื่อความเข้าใจ
    กรณีที่ดินวัดสวนแก้วที่เคยเป็นข่าวเมื่อไม่นานมานี้
    คงจะจำได้ใช่ไหมครับ
    ทางวัดได้จ่ายเงินซื้อที่ดินโดยสุจริต
    แต่คนนำที่ดินมาขายนั้นนำมาโดยไม่สุจริต
    ในที่สุดศาลตัดสินให้คืนที่ดินแก่เจ้าของเดิมไป
    ทางวัดก็ต้องสูญเสียเงินไปเปล่าๆ เป็นจำนวนมากน่ะครับ

    สำหรับข้อ 1 และ 2 ที่น้องโจ๋ยกตัวอย่างมานั้น
    ไม่มีปุพพเจตนามาก่อน
    คือไม่รู้มาก่อนว่าเป็นของโจร
    ไม่มีเจตนาที่จะซื้อของโจรมาก่อนเลย
    แต่ต่อมาภายหลังรู้แล้วยังต้องการจะถือครองอยู่อีก
    แม้เราจะอ้างว่าจ่ายเงิน แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นของโจร
    ก็เท่ากับจงใจจะถือครองทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ยินยอมน่ะครับ

    ส่วนข้อ 3 นั้นรู้แต่แรกแล้วว่าเป็นของโจร
    มีความตั้งใจไปซื้อของโจร
    อย่างนี้ก็เหมือนกับมีส่วนให้การสนับสนุนโจรเลยน่ะครับ




    เดฟ

    สรณะคือพระรัตนตรัย
     
  9. รูปส่วนตัว noppakorn

    noppakorn said:
    งานนี้ผิดศีลกันไปหลายคนเลยครับ เรื่องที่ดินวัดสวนแก้วผมทราบรายละเอียดดีครับ เพราะเจ้าของเป็นเพื่อนผมเอง แต่อย่างไรก็ตามเรื่องศีลข้อ 2 หรือทั้ง 5 ข้อนั้น ผมว่าหากไปเข้ารายละเอียดมากไป คงมีแต่คนผิดศีลกันทั้งสิ้นน่ะครับ เกิดเป็นคนพุทธ ทำใจให้มีเมตตา เข้าไว้ ครับ ศีลก็มาเองครับ ของแท้ ของเทียม ยุคปัจจุบันไม่มีใครเลี่ยงพ้น แม้แต่โทรศัพท์มือถือ หรืออะไรที่เป้นเครื่องใช้ไฟฟ้า มันก็มีอะไหล่ปลอมอะไหล่เทียม ปนอยู่ทั้งนั้นครับ ในชีวิตปัจจุบัน ยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ ฉะนั้จงทำดี ประพฤติดีไว้ ปลีกย่อยก็ละเว้นผ่านไปบ้าง หากไม่ใช่สำคัญนัก เรื่องทางโลก ก็ทางโลกดูแลไป เรื่องทางศีล ก็เดินกันไป ไม่ต้องไปซ้ายไปขวา ไปมันกลางนี่ะล่ครับ
    การตั้งชื่อและแปลชื่อโดยคุณอุบาสกนพกรณ์
    จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทาน
    - ของดตอบคำถามเป็นการส่วนตัว
    - ของดการแจ้งลบกระทู้ (โดยไม่มีเหตุอันควร) หลังจากที่ได้คำตอบแล้ว
    - กรุณาตั้งคำถามให้ตรงตามหมวดหมู่อักษร
    - ขอตอบวันละ 3 ชื่อ (กรุณารอคิวหากมีผู้ถามเข้ามามาก)


    ขอชื่อใหม่ต้อง...
    1. แจ้งชื่อนามสกุลหรือทักษาเลข
    2. วันเกิด(จ-อ)
    3. อาชีพ
    4. เหตุผล(เพื่อวิเคราะห์ชื่อมงคล)
     
  10. คมสัน said:
    แล้วอย่างนี้เราต้องผิดทุกครั้งที่ใช้คอมหรือเปล่าครับเนี้ย คือเริ่มต้นเปิดคอมใช้ เปิดสวิตปุ๊บผิดเลยใช้ไหม โหนี่ยากนะเนี้ย คือเราก็ไม่สร้างกรรมใหม่ เลิกสนับสนุนของเถื่อน แต่ของเก่าที่มีอยู่ในเครื่องคอมและต้องใช้ ถ้าลบไปซื้อของแท้ทุกอย่างเกินกำลังผมอยู่นา ณ ตอนนี้ ขนาดพ่อ แม่ของผม ผมคิดว่าท่านถือศีลแล้วนะ ฟังหลวงตามหาบัวแนวทาางนี้เคร่งแล้วนะ ท่านฟังผมบอกเรื่องดังกล่าว ยัง จิตตกก็ไปตามๆกัน แต่ก็ไม่หนักใจอะไร ท่านเน้นแม่บทเป็นหลัก ไอ้ปลีกย่อยมันพลาดได้ มันต้องคลุกคลีอยู่อวิชา วัฏสงสาร ขอบเขตของภพชาติ พูดง่ายๆก็โลก ต้องเป็นพระเท่านั้นที่ โอกาศ เวลา สถานที่ เป็นใจ ให้ศีลบริสุทธิ์ตลอด เลี่ยงได้ผมก็พยามๆ ถ้าสุดวิสัยก็จะไม่ยินดีในสิ่งนั้น ขออนุโมทนาทุกท่าน
    ครับ