กระทู้ธรรม
กระทู้: กระทู้ธรรม
ป้ายกำกับ:
ไม่มี
-
lover said:
11-18-2014 04:49 PM
อธิจิตสิกขา
ความหมายของสมาธิ
อธิจิตสิกขา คือข้อปฏิบัติสำหรับฝึกอบรมจิตให้มีคุณภาพมีสมรรถภาพ และมีสุขภาพด้วยการปฏิบัติสมาธิภาวนา
ซึ่งจัดเป็นหมวดที่สามในไตรสิกขา ในภาษาบาลี คำว่า ภาวนา หมายถึง การพัฒนาการอบรมบ่มนิสัย การสร้างความดี
งาม การเพาะบ่มทางด้านจิตใจ จึงเป็นศัพท์ที่มีความหมายกว้างกว่าคำว่า สมาธิ หรือ meditation ที่เราใช้กันใน
ภาษาอังกฤษ
สมาธิภาวนาในทางพุทธศาสนา หมายถึงการแสวงหาประสบการณ์ทางจิตวิญญาณด้วยการฝึกปฏิบัติ มิใช่ด้วย
การเรียนรู้หรือการทำความเข้าใจจากหนังสือหรือตำรา พุทธศาสนาถือว่า จิตเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของความเป็น
มนุษย์ เพราะ จิต เป็นตัวกำหนดการกระทำทั้งทาง กาย วาจา ใจ ดังนั้น จิต จึงควรที่จะต้องได้รับการขัดเกลาและพัฒนา
การปฏิบัติสมาธิโดยนัยดังกล่าวนี้จึงจะถือว่าเป็นการ " ภาวนา " ที่แท้จริง เพราะนอกจากจะเป็นการฝึกสมาธิเพื่อแสวงหา
ความสงบระงับในชั่วขณะแล้ว ยังต้องเป็นไปเพื่อทำจิตให้บริสุทธิ์ ด้วยการลดละอาสวกิเลสทั้งหลาย เช่น ความอยาก
ความใคร่ ความอิจฉา พยาบาท ความวิตก กังวล อวิชชา ความกระวนกระวาย ความเกรียจคร้านเฉื่อยชา และยังเป็นการ
เพาะบ่ม จิตใจให้มี เมตตา ปัญญา พลัง สติ สมาธิ และมองเห็นสัจธรรม
ประเภทของสมาธิ
ในทางพุทธศาสนา การทำสมาธิ มี 2 ประเภท คือ สมาธิ ภาวนา กับ วิปัสนาภาวนา การปฏิบัติอย่างแรก
เป็นการรวบรวมพลังจิตให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ส่วนประเภทหลัง หมายถึงการนำผลที่ได้จากการทำสมาธิไปพิจารณาเพื่อการ
รับรู้และทำความเข้าใจในสัจธรรม
การปฏิบัติสมาธิภาวนา นอกจากเป็นวิธีการทำให้จิตเกิดความสงบ ( จิตวิเวก ) เกิดพลัง เพื่อควรแก่การใช้งานใน
ชีวิตประจำวันแล้วยังเป็นวิธีการที่ทำให้ผู้ปฏิบัติที่มีความมุ่งมั่นมานะพยายาม สามารถบรรลุฌานขั้นสูงที่เรียกว่า
" อัปปนาฌาน " ซึ่งทางพุทธศาสนาแบ่งออกเป็น 8 ระดับ กล่าวคือ 4 ระดับแรกเรียกว่า รูปฌาน ส่วนอีก 4 ระดับที่สูงขึ้นไป
เรียกว่า อรูปฌาน ซึ่งทั้งสองระดับนี้ จิตยังคงอยู่ภายใต้การปรุงแต่งที่เป็นอนิจจังแห่งโลกียธรรม
ตามความเป็นจริง การปฏิบัติสมาธิภาวนา เป็นที่รู้จักกันมาก่อนที่จะมีพุทธศาสนา แต่พระพุทธองค์ทรงนำวิธีการนี้
มาขัดเกลาและปรับปรุงให้เข้าสู่ระบบแห่งการปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการปฏิบัติสมาธิภาวนาจะมีประโยชน์ในระดับ
หนึ่งต่อการพัฒนาคุณภาพจิต แต่การทำสมาธิก็มิใช่เป็นวิธีที่จะนำไปสู่การดับทุกข์เข้าสู่กระแสนิพพานได้โดยตัวของมัน
เอง ดังในพุทธประวัติก่อนที่พระองค์จะทรงบรรลุธรรมมรรคผลแห่งนิพพาน ทรงเคยฝึกปฏิบัติสมาธิภาวนาจากพระ
อาจารย์ จนสำเร็จขั้นอรูปฌานในระดัเนวสัญญานาสัญายตนะมาแล้ว แต่ในที่สุดพระพุทธองค์ก็ยังไม่พอพระทัยด้วยทรง
เห็นว่า ฌานใน 2 ขั้น 8 ระดับดังกล่าวนี้ ยังไม่สามารถบรรลุธรรมชั้นสูงได้ ทรงเล็งเห็นว่าสมาธิภาวนาเป็นเพียงวิธีปฏิบัติ
เพื่อทำจิตให้สงบในโลกียภาวะ ส่วนวิธีการที่จะชำระจิตให้บริสุทธิ์เข้าถึงสัจธรรมสูงสุดแห่งนิพพานได้นั้น จำเป็นจะต้อง
กระทำโดยวิธีวิปัสสนาภาวนาเท่านั้น
วิปัสสนาภาวนา เป็นวิธีปฏิบัติที่มีอยู่เฉพาะในทางพุทธศาสนาเพื่อสร้างความสงบสุขทางจิตวิญญาณให้กับชาวโลก
เป็นวิธีการวิเคราะห์จิตที่ตั้งอยู่บนรากฐานแห่งสัมมาสติและสัมมาสมาธิในการแสวงหาสัจธรรม ทำให้ผู้ประพฤติปฏิบัติ
สามารถรู้ได้โดยตนเองว่าสรรพสิ่งทั้งหลาย ไม่คงที่ ไม่แน่นอน มีการเปลี่ยนแปลง เป็นทุกข์และไม่มีตัวตน ในแง่สัจธรรมจึง
มีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดให้เรายึดมั่นถือมั่นว่า สิ่งเหล่านั้นเป็น " ตัวเรา ของเรา " ผู้ที่ปฏิบัติสมาธิวิปัสสนา จะสามารถ
มองเห็น และตระหนักรู้ด้วยตนเองในความคิดที่เป็น กุศล หรือเป็น อกุศล ว่าเป็นเพียงกระบวนที่มีการเกิดดับอยู่
ตลอดเวลา ทำให้สามารถมองเห็นธรรมชาติที่แท้จริงในเรื่องของกิเลส ตัณหา คุณค่าแห่งความดีงาม บุญ บาป ดี ชั่ว เมื่อ
เรานำมาศึกษาวิเคราะห์จนเล็งเห็นในสรรพสิ่งทั้งหลายว่า " มันเป็นเช่นนั้นเอง " ก็จะทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจในสัจ
ธรรมเหล่านั้นจากความมานะพยายามในการปฏิบัติสมาธิวิปัสสนาดังกล่าวนั้นได้อย่างแท้จริงดังรายละเอียดที่ปรากฏอยู่
ในหัวข้อของ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และ สัมมาสมาธิ ที่จะได้กล่าวต่อไป
ความเพียรมีรสขม แต่ผลของมัน หวานชื่นเสมอ.......เต้ เลิฟเวอร์
แก้ไขครั้งล่าสุดโดย lover : 11-19-2014 เมื่อ 02:00 PM