.
โดยความหมายของวัตถุคือที่อาศัยเกิดของจิต
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ประจวบร่วมกันกับ อารมณ์ และ มีจิตที่เกิดขึ้นรับรู้อารมณ์
ทางตาได้แก่ จักขุปสาทนั้นเอง เป็นทั้งวัตถุและทวารให้เกิดการรับรู้
โดยมีสีมากระทบกับจักขุปสาทและจักขุวิญญาณซึ่งประกอบด้วยผัสสเจตสิก
จึงมีการเห็นเกิดขึ้น
ทางหูได้แก่ โสตปสาทนั้นเอง เป็นทั้งวัตถุและทวารให้เกิดการรับรู้
โดยมีเสียงมากระทบกับโสตปสาทและโสตวิญญาณซึ่งประกอบด้วยผัสสเจตสิก
จึงมีการได้ยินเกิดขึ้น
ทางจมูกได้แก่ ฆานปสาทนั้นเอง เป็นทั้งวัตถุและทวารให้เกิดการรับรู้
โดยมีกลิ่นมากระทบกับฆานปสาทและฆานวิญญาณซึ่งประกอบด้วยผัสสเจตสิก
จึงมีการได้กลิ่นเกิดขึ้น
ทางลิ้นได้แก่ ชิวหาปสาทนั้นเอง เป็นทั้งวัตถุและทวารให้เกิดการรับรู้
โดยมีรสมากระทบกับชิวหาปสาทและชิวหาวิญญาณซึ่งประกอบด้วยผัสสเจตสิก
จึงมีการรู้รสเกิดขึ้น
ทางกายได้แก่ กายปสาทนั้นเอง เป็นทั้งวัตถุและทวารให้เกิดการรับรู้
โดยมีเย็นร้อน อ่อนแข็ง ตึงไหว มากระทบกับกายปสาทและกายวิญญาณซึ่งประกอบด้วยผัสสเจตสิก
จึงมีการรู้สัมผัสเกิดขึ้น
ทางใจ วัตถุอันเป็นที่เกิดของจิตได้แก่ หทยวัตถุ
แต่ไม่ได้เป็นทวารให้เกิดการรับรู้
ทว่าก็ต้องอาศัยหทยวัตถุเป็นที่เกิดของจิต
แต่ว่าเกิดการรับรู้โดยอารมณ์กระทบภวังคจิตซึ่งเป็นทวาร
และมีมโนวิญญาณซึ่งเป็นจิตที่ประกอบด้วยผัสสเจตสิกเกิดขึ้นรับรู้อารมณ์นั้น
*ภวังคจิตเองก็มีผัสสเจตสิกแต่ไม่ได้รับอารมณ์ที่มาจากทางทวารใดเลย
ทั้งหมดทั้งมวลนี้
เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกันมากมาย ตั้งแต่อายตนะ ทวาร วัตถุ ผัสสเจตสิก ฯลฯ
แต่ละเรื่องก็มีรายละเอียดปลีกย่อยลงไปอีกมาก
ทั้งอย่างกว้างและอย่างเจาะจง โดยนัยยะที่หลากหลาย
หากมีพื้นฐานในเรื่องต่างๆ ดังกล่าวมาแล้วบ้าง
ก็จะช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้นน่ะครับ
เดฟ