มหาทาน

กระทู้: มหาทาน

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. zakbbo49 said:

    มหาทาน

    มหาทานคืออะไรครับ
     
  2. รูปส่วนตัว D E V

    D E V said:

    สวัสดีครับ คุณ Zakbbo49

    มหาทาน หมายถึง การให้ใดๆ อันยิ่งใหญ่
    หากจะยกตัวอย่างการให้วัตถุทาน
    ก็หมายถึงการให้วัตถุอันมากยิ่งหรือมีค่ายิ่ง
    ดังตัวอย่างหนึ่ง ที่มีกล่าวไว้ในครั้งพุทธกาล....


    ทานที่พระนางมัลลิกาจัดชื่อ อสทิสทาน

    "ก็ในทานนั้นแล ทรัพย์มีประมาณ ๑๔ โกฏิ
    เป็นอันพระราชาทรงบริจาคโดยวันเดียวเท่านั้น.
    ก็ของ ๔ อย่าง คือเศวตฉัตร ๑ บัลลังก์สำหรับนั่ง ๑
    เชิงบาตร ๑ ตั่งสำหรับเช็ดเท้า ๑ เป็นของหาค่ามิได้เทียว เพื่อพระศาสดา.
    ใครๆ ผู้สามารถเพื่อทำทานเห็นปานนี้แล้ว
    ถวายทานแด่พระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่ได้มีแล้วอีก
    เพราะเหตุนั้นนั่นแล ทานนั้นจึงปรากฏว่า
    "อสทิสทาน."

    http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25.0&i=23&p=10


    * อสทิสทาน คือการให้ที่ไม่มีใครเสมอเหมือน ก็จัดเป็นมหาทานครับ


    และอีกนัยหนึ่ง ศีล คือมหาทานครับ
    เพราะศีล คือการให้ความไม่มีภัย ให้ความไม่เบียดเบียนแก่ผู้อื่น
    ทำให้เกิดความผาสุขทั้งมวล

    ดังตัวอย่างที่มีแสดงไว้....
    http://www.84000.org/tipitaka/book/v.php?B=23&A=5079&Z=5126&pagebreak=0


    อนุโมทนาครับ



    เดฟ


    สรณะคือพระรัตนตรัย
     
  3. zakbbo49 said:
    อนุโมทนาบุญกับคำตอบครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  4. zakbbo49 said:
    อนิสงฆ์แห่งการให้โลหิตเป็นทานเนียะผู้ให้จะได้อานิสงฆ์อ่ะไรครับ
     
  5. Admax said:
    สาธุ
     
  6. รูปส่วนตัว D E V

    D E V said:

    เราอาจจะเคยอ่านหรือเคยได้ยินคำบอกกล่าว
    ถึงอานิสงส์ประการต่างๆ กันมาบ้างใช่มั้ยครับ เราก็รับฟังไว้
    แต่...ผู้ที่จะกำหนดรู้อานิสงส์ประการต่างๆ ได้อย่างเที่ยงตรงแม่นยำที่สุด
    คือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าน่ะครับ

    ดังนั้น ในเรื่องของอานิสงส์ต่างๆ นั้น
    จึงไม่อยากให้เป็นการประเมินเอาจากสิ่งที่กระทำ
    แล้วก็คาดการณ์ไปถึงผลที่จะได้รับ
    ซึ่งอาจจะคลาดเคลื่อนไปได้น่ะครับ

    สิ่งที่สำคัญที่สุดของการให้ทาน (รวมไปถึงบุญกุศลประการต่างๆ)
    คือ เจตนาบริสุทธิ์ทั้ง 3 กาล
    คือ ก่อนกระทำ ขณะกระทำ หลังกระทำ
    อีกทั้งวัตถุทานที่ให้นั้นก็เป็นของที่ชอบธรรม
    ทั้งผู้ให้และผู้รับป็นผู้ประพฤติดีชอบ
    การให้ทานกระทำเพื่อช่วยเหลือด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ
    เพื่อปลดเปลื้องความเดือดร้อนให้ผู้รับได้พ้นจากความทุกข์ยาก
    โดยผู้ให้ไม่ติดข้องในผลที่ตนเองจะได้รับกลับคืน
    เพราะถึงอย่างไรๆ เมื่อได้กระทำเหตุอันดี
    ผลที่ดีย่อมเกิดขึ้นอย่างแน่นอนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

    ถ้าแบบนี้เราก็จะทำบุญทำทานด้วยความเบาใจ ผ่องใส
    เป็นการสละ ลดละกิเลสอย่างแท้จริง
    เพราะไม่หวงแหนยึดติดในสิ่งใดๆ ว่าต้องได้กลับคืนมาเป็นของตน
    ไม่งั้นแล้ว ก็จะคล้ายกับว่า
    เรายื่นมือขวาเพื่อให้เค้าไป
    แต่ก็ยื่นมือซ้ายเพื่อรอรับสิ่งตอบแทน....ใช่มั้ยครับ

    สำหรับผลอันดีงามที่เกิดขึ้นจากการให้ทาน
    ทรงแสดงไว้ในพระสูตรหนึ่ง
    เป็นการสรุปรวมแบบรวบยอดไว้ดังนี้.....

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    อานิสงส์แห่งการให้ทาน ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน
    คือ ผู้ให้ทานย่อมเป็นที่รักที่ชอบใจของชนหมู่มาก ๑
    สัปบุรุษผู้สงบย่อมคบหาผู้ให้ทาน ๑
    กิตติศัพท์อันงามของผู้ให้ทานย่อมขจรทั่วไป ๑
    ผู้ให้ทานย่อมไม่ห่างเหินจากธรรมของคฤหัสถ์ ๑
    ผู้ให้ทานเมื่อตายไปแล้วย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ๑

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    อานิสงส์แห่งการให้ทาน ๕ ประการนี้แล ฯ
    ผู้ให้ทานย่อมเป็นที่รักของชนเป็นอันมาก
    ชื่อว่าดำเนินตามธรรมของสัปบุรุษ
    สัปบุรุษผู้สงบผู้สำรวมอินทรีย์ ประกอบพรหมจรรย์
    ย่อมคบหาผู้ให้ทานทุกเมื่อ
    สัปบุรุษเหล่านั้นย่อมแสดงธรรมเป็นที่บรรเทาทุกข์ทั้งปวงแก่เขา
    เขาได้ทราบชัดแล้ว ย่อมเป็นผู้หาอาสวะมิได้ ปรินิพพานในโลกนี้ ฯ

    http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=22&A=887&Z=899&pagebreak=0



    อนุโมทนาครับ



    เดฟ

    สรณะคือพระรัตนตรัย
     
  7. Admax said:
    สาธุ คำตอบนี้แจ้งใจดีแท้ครับพี่เดฟ
    ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
    ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
    รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
    การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ
     
  8. Punmono037 said:
    สาธุด้วยครับ