นิยายแห่ง..ชีวิต..ธรรม..คำเตี่ยสอน..ตามรอยพ่อหลวง

กระทู้: นิยายแห่ง..ชีวิต..ธรรม..คำเตี่ยสอน..ตามรอยพ่อหลวง

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. Admax said:

    นิยายแห่ง..ชีวิต..ธรรม..คำเตี่ยสอน..ตามรอยพ่อหลวง

    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

    สาเหตุที่จัดทำ นิยายแห่ง..ชีวิต..ธรรม.คำสอนเตี่ย..ตามรอยพ่อหลวง..


    ความพอเพียงของคนแต่ละคนนั้นต่างกัน บางคนความพอเพียงคือฟุ่งเฟือยได้ตามปารถนา แต่บางคนพอเพียงคือมีอยู่กินที่ดี มีข้าวกินครบ 3 มื้อ ได้กินอาหารที่สะอาดมีคุณค่า ได้อิ่มท้อง มีเงินเก็บ สามรารถเลี้ยงดูให้ความรักและความรู้แก่ลูก หลาน ที่เกิดแต่ความรักของตนได้ รวมไปถึง ญาติ พี่ น้อง และ คนรอบข้าง


    นิยายเรื่องนี้ผมเขียนขึ้นเล่าบทชีวิตๆของคนที่แม้ยากจนไม่่ไม่อัปจนหนทาง เพื่อหวังให้เป็นแรงบรรดาลใจแก่ใครหลายๆคนที่มีความทุกข์ ท้อแท้ สิ้นหวัง เกลียดชัง กับชะตาชีวิตที่ทำให้ตนทุกข์ยากลำบากหรือฉิบหาย ได้เข้ามาอ่านแล้วเห็นทางดำเนินชีวิตให้ยืนหยัดต่อไปได้ของตน


    นิยายเรื่องนี้ จะประะกอบไปด้วย คำสอนของเตี่ย พระธรรมคำสอนจากครูบา่อาจารย์ และขอพระราชททานอันเชิญเอาพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชมาชี้นำทางประกอบไปด้วย ซึ่งคนไทยทุกคนทั่วประเทศย่อมได้น้อมนำเอาพระราชดำรัสของพระองค์ท่านมาใช้บริหาร ส่งเสริมทักษะ สั่งสอนต่อกัน ทั้งในระดับประเทศ จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ครอบครัว หรือภายในองค์กรต่างๆทั่วประเทศ
    เตี่ยผมนี้ท่านได้นำเอาประสบการณ์ชีวิต พระธรรมของพระพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์ทั้งหลาย และพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบางช่วงบางตอน มาชี้นำสั่งสอนผมตั้งแต่เมื่อผมยังเด็ก ปัจจุบันเตี่ยผมท่านถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖ อายุรวม ๙๐ ปี แต่กระนั้นถึงร่างกาย ซุ่มเสียงทุกอย่างของท่านไม่มีอยู่แล้ว เลือนหายไปแล้ว แต่คำสอนของท่านนั้นยังคงอยู่ให้ผมได้เจริญปฏิบัติเอาตัวรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ แล้วการต่อสู้ไม่ย่อท้อแก้ไขปัญหาของผมนั้นก็เป็นอีกคำสอนบทหนึ่งที่จะใช้สอนลูกหลานผมสืบไป
    ซึ่งผมยินดีอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันคำสอนดีๆจาก พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ พระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลที่ ๙ และ คำสั่งสอนของเตี่ยผม...แก่ท่านทั้งหลายทั้งที่รู้เพื่อเป็นแนวทาง ทั้งท่านที่ประสบปัญหาชีวิตเลวร้าย และ ท่านผู้แวะเวียนเยี่ยมชมทุกๆท่านครับ



    --------------------------------------------------------------------------------------



    เกริ่นนำ..

    ณ อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๔ มีครอบครัวๆหนึ่ง มีพ่อกับแม่และลูก 8 คน มีลูกสาว 6 คน ลูกชาย 2 คน ผู้เป็นพ่อเป็นคนจีน ลูกๆเรียกท่านว่าเตี่ย ท่านทำงานเป็นเสมียนอยู่โรงน้ำปลามีรถจักรยานปั่นไปกลับที่ทำงานซึ่งห่างกันประมาณ 3.5 กม. รวมไปกลับ 7 กม. ส่วนผู้เป็นแม่เป็นคนไทยจังหวัดสกลนคร ลูกๆเรียกท่านว่าแม่ ท่านเปิดร้านขายส้มตำไก่ย่าง สมัยนั้นส้มตำถุงละ 3 บาท ไก่ไม้ใหญ่ ไม่ละ 10 บาท เช่าบ้านเป็นห้องแถวของคนจีนอยู่หลังหนึ่งเดือนละ 500 บ. มีฐานะไม่ได้ร่ำรวยเช้าชามเย็นชาม แต่เพราะความไม่ร่ำรวยนี้แหละ ทำให้เข้าใจความพอเพียง และ ฝึกฝนตนเองให้ครอบครัวนี้เป็นคนต่อสู้ปัญญา ไม่หนีปัญหา มีความ เอื้อเฟื้อ ขยัน ซื่อสัตย์ อดทน แล้วกค่อยๆก่อร่างสร้างเนื้อสร้างตัวถึงความพอเพียงได้


    --------------------------------------------------------------------------------------



    บทเรียนเริ่มเรื่อง...ความทรงจำหลักในคำสอนเตี่ย

    ก่อนอื่นผมขอแจ้งรายละเอียดตัวละครก่อนนะครับ ผมจะเป็นลูกคนสุดท้อง ชื่อ ก๊กเฮง เพื่อดำเนืนเรื่องราวในบท..นิยายแห่ง..ชีวิต..ธรรม..คำเตี่ยสอน..ตามรอยพ่อหลวง.. นี้ครับ

    "ผมชื่อก๊กเฮง แซ่โง้ว ..ก๊กเฮง แปลว่า ดาวประจำเมือง หรือ ความเจริญของบ้านเมือง เตี่ยตั้งเป็นชื่อจีนให้" มีพี่น้องอยู่ด้วยกันรวมผมเป็น 8 คน มี พี่สาว 6 คน พี่ชาย 1 คน คือ
    1. เจ้ตุ๋ย
    2. เจ้ต๋อย
    3. เจ้จิน
    4. เจ้นุช
    5. เจ้โม
    6. เจ้นิด
    7. เฮียตี๋
    8. ผมเป็นน้องคนสุดท้อง

    เตี่ยผมอายุมากกว่าแม่ 20 ปี ผมเกิดขึ้นมาต้อนเตี่ยอายุประมาณจะเกือบ 60 ปีแล้ว แม้ผมก็อายุประมาณเกือบจะ 40 ปีแล้ว ผมอายุห่างจากพี่คนที่ 7 ประมาณ 10 ปี ตอนผมเกิดมาทางบ้านก็ก็เริ่มจะพยุงครอบครัวให้มีอยู่พอกินพอใช้กันได้แล้ว เพราะทุกคนรู้ประหยัด ขยันทำงาน อดออมเงิน หารายได้เสริมอยู่เสมอๆ
    เตี่ยผมมักจะสั่งสอนผมอยู่เสมอๆว่า..บ้านเราไม่ใช่คนรวยเมื่อก่อนแทบจะไม่มีอยู่ไม่มีกิน ใช้เวลาอยู่นานจนวันนี้เริ่มอยู่กินแบบพอเพียง ที่เป็นแบบนี้ได้เพราะทุกข์คน มีความรู้จัก "เอื้อเฟื้อแบ่งปัน, ซื่อสัตย์, ขยัน, อดทน" จึงทำให้บ้านเรามีฐานะดีขึ้นอยู่กินดีขึ้น เราเป็นลูกคนจีนต้องยึดข้อนี้ไว้ให้มั่น ดังนั้นก๊กเฮงก็ต้องปฏิบัติเจริญรอยตามเพื่อตัวก๊กเฮงเองไม่ใช่ใครอื่น ก๊กเฮงเกิดมาในช่วงที่บ้านมีกินที่ดีขึ้นแล้วเป็นลูกคนสุดท้องที่เจ้ๆและอาเฮียรัก แต่ก๊กเฮง "อย่าลืมตัว จะต้องรู้จัก กตัญญูกตเวทีรู้บุญคุณคน, มีปกติอ่อนน้อมมถ่อมตัว, รู้จักใช้จ่ายอย่างประหยัดพอเพียง, อดออม" เพราะวันหนึ่งต้องเป็นที่พึ่งของทุกคนในบ้านจำไว้ให้ดีนะลูกวันหนึ่งเมื่อก๊กเฮงมีครอบครัว มีลูก สิ่งที่ก๊กเฮงปฏิบัติประสบการณ์ที่ควรค่ายิ่งของก๊กเฮงนั้นแหละจะเป็นคำสอนของลูกสืบไป

    ผมก็เจริญปฏิบัติตามคำสอนที่เตี่ยสอนนี้เสมอมาเรื่องนี้สืบต่อมาจนถึงทุกวันนี้ แม้ผมจะหาเช้ากินค่ำ มีพอกินบ้าง ไม่พอกินบ้าง กินได้อิ่มบ้าง ทำพลาดพลั้งบ้างแต่ด้วยคำเตี่ยสอนที่ผมจดจำมาจนถึงทุกวันนี้ได้ประครองให้ชีวิตผมไม่อับจนตกอับ...

    บทเรียกนี้แบ่งเป็น ๒ ภาคการเรียนดังนี้
    ๑. "ภาคการเรียนที่ ๑. เตี่ยสอนก๊กเฮง"
    ..เป็นเรื่องราวคำสอนสมัยที่ผมยังเด็ก จนเรียนจบ ทำงาน

    (ปัญหาและคำสอนในภาคเรียนที ๑ นี้ จะเกิดมีต่างๆนาๆซึ่งปัญหาในแต่ละช่วงอายุและวัยก็จะต่างกันไป ซึ่งเริ่มจากเด็กที่เรียบง่ายไม่ประสีประสาอะไร ไม่คิดอะไรมาก อยู่กับปัจจุบันมากกว่าความคิดอ่าน นอนหลับตื่นมาก็ลืม พูดและฟังง่ายๆตามประสาเด็ก ตลอดไปจนถึงเมื่อเจริญวัยปัญหาก็จะเริ่มหนักขึ้นๆเรื่อยๆ มัธยมต้น เรียนช่าง ที่สุดจนถึงเมื่อตอนทำงานก่อนที่จะแต่งงานซึ่งจะหนักมากขึ้นไปอีกตามช่วงเวลา)
    ๒. "ภาคการเรียนที่ ๒. ปะป๊าสอนเป๋าเป่า"
    ..เป็นเรื่องราวคำสอนของก๊กเฮงที่สอนลูกชายเพียงคน้เดียว คือ อั่งเปา จากประสบการณ์ชีวิตความผิดพลาด โชคชะตา การแก้ไขปัญญา ความตั้งมั่นริเริ่ม ความเพียรกระทำที่ยึดมั่นคำสอนของเตี่ย พระธรรมของพระพุทธเจ้า และ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลที่ ๙ ที่ทำให้พยุงตนเองผ่านจากความฉิบหายมาได้ จนสามารถเลี้ยงดูอั่งเปามาได้จนถึงทุกวันนี้ ด้วยเงินเดือนเพียง 8,900 บาท ตั้งแต่ปี 2549 - กลางปี 2559 และ เพิ่ง ได้เงินเดือน 11,000 เมื่อประมาณกลางปี 2559 นี้เอง แต่ไม่เคยเคียดแค้นท้อใจที่ตนนั้นไม่มีโอกาสเหมือนคนอื่น ไม่ร่ำรวยเหมือนเขา ยิ่งกลับภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกเตี่ยและแม่ เป็นพ่อ เป็น สามี เป็นน้องของพี่ๆทั้ง ๗ คน เพราะมันคือปัจจัยสำคัญให้เราโตและเป็นพ่อที่น่าภาคภูมิใจในภายหน้า

    (ซึ่งปัญหาในช่วงนี้จะหนักมากๆในฐานะพ่อ-สามี-ความเป็นลูกของเตี่ยและแม่ ความเป็นน้องคนสุดท้องของพี่ๆ ต้องอาศัยองค์ประกอบมากมายก้าวข้ามผ่านพ้นไป โดยเฉพาะ สติ ปัญญา และความเพียร แต่เมื่อผ่านมาได้นี่แหละคือบทเรียนที่ดีที่เราใช้สอนลูกในภายหน้า)


    มาเริ่มบทเรียนใน ภาคการเรียนที่ ๑. จากเกับผมกันได้เลยครับ...


    แก้ไขครั้งล่าสุดโดย Admax : 12-13-2016 เมื่อ 07:14 PM
    ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
    ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
    รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
    การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ