พระปุณณมันตานีบุตรเถระ

ชาติภูมิ

ท่านพระปุณณมันตานีบุตร เป็นบุตรพราหมณ์มหาศาล ในบ้านพราหมณ์ชื่อว่า โทณวัตถุ ไม่ห่างไกลจากกรุงกบิลพัศดุ์ เดิมชื่อว่า “ปุณณะ” เรียกนามตามที่เป็นบุตรของนางมันตานีพราหมณีว่า ปุณณมันตานีบุตรฯ บุณณมาณพเป็นหลานของท่านพระอัญญาโกณฑัญญะ เพราะนางมันตานีพราหมณีผู้เป็นมารดาเป็นน้องสาวของท่าน การที่ปุณณมาณพจะได้เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา ก็เพราะอาศัยพระอัญญาโกณฑัญญะผู้เป็นลุง เป็นผู้ชักนำมาให้บวชในเมื่อพระบรมศาสดาประทับอยู่ ณ กรุงราชคฤห์ ท่านไปสู่กรุงกบิลพัศดุ์ ได้ให้ปุณณมาณพผู้หลานชายบวชในพระพุทธศาสนา ครั้นพระปุณณะบวชแล้วไปอยู่ในประเทศชื่อว่า ชาติภูมิบำเพ็ญเพียร ไม่ช้านักก็ได้สำเร็จพระอรหัตต์ฯ



คุณธรรม ๑๐ ประการ

ท่านพระปุณณะ ตั้งอยู่ในธรรม ๑๐ อย่างคือ มักน้อย สันโดษ ชอบสงัด ไม่ชอบเกี่ยวข้องด้วยหมู่ ปรารภความเพียร บริบูรณ์ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ ความรู้เห็นในวิมุตติ แม้เมื่อมีบริษัท ท่านก็สั่งสอนให้ตั้งอยู่ในคุณธรรม ๑๐ ประการ ครั้นต่อมาภิกษุที่เป็นบริษัทของท่านลาไปเฝ้าพระบรมศาสดา ทูลพรรณนาคุณพระอุปัชฌาย์ของตนว่าตั้งอยู่ในคุณธรรม ๑๐ ประการนั้น และสั่งสอนให้บริษัทตั้งอยู่ในคุณธรรม ๑๐ ประการนั้นด้วย ในเวลานั้น พระสารีบุตรนั่งอยู่ ณ ที่นั้น ได้ยินภิกษุเหล่านั้นทูลพรรณนาคุณของพระปุณณะ มีความประสงค์อยากจะรู้จักและสนทนาด้วย เมื่อพระบรมศาสดาเสด็จมาเมืองสาวัตถีแล้ว ท่านพระปุณณะมาเฝ้า พอหลีกไปจากที่เฝ้าแล้ว พระสารีบุตรทราบข่าว จึงเข้าไปหาสนทนาปราศรัยกันแล้ว ไต่ถามถึงวิสุทธิ ๗ ประการ ท่านพระปุณณะก็วิสัชนาชักอุปมาอุปมัยเปรียบเทียบด้วยรถ ในที่สุดแห่งการปุจฉาวิสัชนาวิสุทธิ ๗ ประการนั้น พระเถระทั้งสองก็อนุโมทนาภาษิตของกันและกันฯ



เอตทัคคะ

ท่านพระปุณณมันตานีบุตรนั้น อาศัยความที่ตนตั้งอยู่ในคุณเช่นใดแล้ว สอนผู้อื่นให้ตั้งอยู่ในคุณเช่นนั้น พระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องสรรเสริญว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้เป็นธรรมกถึก เมื่อท่านดำรงชนมายุสังขารอยู่โดยสมควรแก่กาลแล้ว ก็ดับขันธปรินิพพานฯ




ขอขอบคุณที่มาคะ http://www.geocities.com/piyainta/ab35.htm