พระราหุลเถระ

ชาติภูมิ

ท่านพระราหุล เป็นโอรสของเจ้าชายสิทธัตถะกับพระนางยโสธรา (พิมพา) เป็นพระนัดดาของพระเจ้าสุทโธทนะ ผู้ครองกบิลพัศดุ์นคร เมื่อพระบรมศาสดาได้ตรัสรู้แล้ว เสด็จมาเทศนาโปรดพระประยูรญาติที่กรุงกบิลพัศดุ์ ประทับอยู่ที่นิโครธาราม วันหนึ่งพระองค์เสด็จไปที่พระราชนิเวศน์ของพระนางยโสธรา พระราชเทวีเก่าของพระองค์ พระราชเทวีได้ส่งราหุลกุมารผู้เป็น พระโอรสออกมาทูลขอราชสมบัติที่ควรจะได้ ราหุลกุมารออกไปเฝ้าเจรจาปราศรัยแสดงความรักใคร่มีประการต่าง ๆ ครั้นเห็นพระบรมศาสดาจะเสด็จกลับ จึงร้องทูลขอราชสมบัติตามเสด็จมา พระบรมศาสดาทรงพระดำริว่า ก็ทรัพย์สมบัติทั้งหลายมั่นคงถาวร และประเสริฐยิ่งกว่าอริยทรัพย์มิได้มี ควรที่เราจะให้อริยทรัพย์แก่ราหุลเถิดฯ



สามเณรรูปแรกในพระพุทธศาสนา

เมื่อทรงดำริอย่างนี้แล้ว จึงตรัสสั่งพระสารีบุตรว่า ถ้าอย่างนั้นสารีบุตรบวชให้ราหุลเถิด ครั้งนั้นราหุลกุมารยังเยาว์อยู่ มีอายุยังไม่ครบอุปสมบท พระสารีบุตรจึงทูลถามว่า จะโปรดให้ข้าพระพุทธเจ้าบวชราหุลกุมารอย่างไร พระบรมศาสดาปรารภเรื่องนี้ให้เป็นต้นเหตุ จึงทรงพระอนุญาตให้ภิกษุบุตรกุลบุตร ที่มีอายุยังไม่ครบอุปสมบทให้เป็นสามเณรด้วยให้สรณคมน์สาม เมื่อราหุลกุมารบวชเป็นสามเณรแล้วตามเสด็จพระบรมศาสดาและพระอุปัชฌายะของตนไป ครั้นเมื่อมีอายุครบแล้วก็ได้อุปสมบทเป็นภิกษุฯ



บรรลุอรหัตต์

วันหนึ่ง ท่านพระราหุลอยู่ ณ สวนมะม่วงแห่งหนึ่งในกรุงราชคฤห์ พระบรมศาสดาเสด็จไป ณ ที่นั้น ทรงแสดงเทศนาราหุโลวาทสูตร ซึ่งว่าด้วยภาชนะน้ำเปล่า บรรยายเปรียบเทียบด้วยคนพูดมุสาวาทเป็นต้น ตรัสสอนให้พระราหุลสำเหนียกตามเทศนานั้นแล้วเสด็จกลับไป วันหนึ่งพระราหุลเข้าเฝ้า พระบรมศาสดาสั่งสอนด้วยเทศนามหาราหุโลวาท ซึ่งว่าด้วย รูปกรรมฐานธาตุ ๕ อย่าง คือ ปฐวีธาตุ ธาตุดิน, อาโปธาตุ ธาตุน้ำ, เตโชธาตุ ธาตุไฟ, วาโยธาตุ ธาตุลม. และอากาศธาตุ ช่องว่าง, ให้พิจารณาด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอย่างไรว่า สิ่งนั้นไม่ใช่ของเรา ส่วนนั้นไม่เป็นของเรา ส่วนนั้นไม่ใช่ของตัวเรา เป็นต้น ในที่สุดตรัสสอนให้กรรมฐานอื่น ให้เจริญภาวนา คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา อสุภสัญญา อนิจจสัญญา ครั้นทรงสอนจบแล้ว พระราหุลมีจิตยินดีคำสอนของพระบรมศาสดา ภายหลังพระราหุลได้ฟังพระโอวาทที่พระบรมศาสดาสั่งสอนในทางวิปัสสนา คล้ายกับโอวาทที่ตรัสสอนภิกษุปัญจวัคคีย์ เป็นแต่ในที่นี้ยก อายตนะภายในภายนอก เป็นต้น ขึ้นแสดงแทนขันธ์ห้า ท่านส่งจิตไปตามพระธรรมเทศนาก็ได้บรรลุพระอรหัตผลฯ



เอตทัคคะ

ท่านพระราหุลนั้นเป็นผู้ใคร่ในการศึกษาธรรมวินัยตามตำนานกล่าวไว้ว่า ท่านพระราหุลนั้น ครั้นลุกขึ้นแต่เช้าแล้ว จึงไปกอบทรายให้เต็มฝ่าพระหัตถ์แล้ว ตั้งความปรารถนาว่า ในเวลานี้ข้าพเจ้าพึงได้รับซึ่งโอวาทคำสั่งสอนแต่สำนักพระบรมศาสดา หรือแต่สำนักพระอุปัชฌายาจารย์ทั้งหลายให้ได้มากประมาณเท่าเม็ดทรายในกำมือแห่งข้าพเจ้านี้ ด้วยเหตุนั้นพระราหุลจึงได้รับยกย่องจากพระบรมศาสดาว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้ใครในการศึกษา ท่านดำรงชนมายุสังขารอยู่โดยสมควรแก่กาลแล้ว ก็ดับขันธปรินิพพานฯ




ขอขอบคุณที่มาคะ http://www.geocities.com/piyainta/ab38.htm