ขอบคุณครูวิทย์และอาซ้อมากๆค่ะที่เป็นกำลังใจให้กันอยู่เสมอๆนานๆ จะได้มีโอกาสเข้ามาเยี่ยมเยียนสักทีมาเห็นบ้านทั่นยายแล้ว ต้องบอกว่า จับจิต
ทั่นยายช่างเป็นหญิงแกร่งที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคน ทั้งทั่นยาย และบุคคลรอบข้างทั่นยายนะครับ
ขอบอกว่าทั่นยายเองก็ไม่ได้เข้มแข็งอะไรมากนักหรอกค่ะ
บางคราวยังมีความทุกข์ความเศร้าปนเปื้อนในจิตใจอยู่เหมือนกัน
จึงทำให้บางครั้งทั่นยายอยากจะร้องไห้นะคะ แต่ก็ร้องไม่ออก น้ำตาไม่ไหลซะงั้น
มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกจริงๆค่ะ เพราะมันอยู่ระหว่างความเข้มแข็งกับความอ่อนแอ
บางครั้งทั่นยายคิดว่านี่คือความฝัน ...จึงอยากจะตื่นขึ้นมาพบกลับความจริงที่ว่า...
ทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง...แต่ก็ต้องบอกตนเองว่ามันเป็นไปไม่ได้
เพราะทุกอย่างที่พบเจออยู่ตอนนี้นี่แหล่ะคือความจริงล่ะ ..เป็นสิ่งที่ต้องยอมรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ
นี่แหล่ะชะตาชีวิตของทั่นยายล่ะค่ะ...ทุกสิ่งที่เจอมักถูกจัดหนักจัดเต็มเช่นนี้เสมอ
ไม่แน่ใจว่าเป็นวิบากกรรม..หรือเป็นบททดสอบกันแน่สิคะ ...ใจหนึ่งทั่นยายก็คิดว่า
เป็นวิบากกรรมที่เราทำเอาไว้นั่นเอง แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่านี่เป็นบททดสอบสติ
และความเข้มแข็งของจิตใจ ว่าเราจะผ่านแบบทดสอบอันยากเย็นแสนเข็ญนี้ไปได้หรือไม่
หากผ่านไม่ได้อะไรจะเกิดขึ้น..ทั่นยายก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ
แต่หากผ่านบททดสอบนี้ไปได้....ก็ต้องไปเจอบททดสอบใหม่ๆที่รออยู่ข้างหน้าอีกมากมาย
ซึ่งไม่ทราบว่าจะหนักหนาสาหัสเพียงใด... ก็ต้องเตรียมใจไว้ให้พร้อมที่จะเผชิญกับทุกสิ่งทุกอย่าง
ทุกครั้งที่ล้มก็คิดได้แค่เพียงว่า...ล้มกี่ครั้งไม่สำคัญ...สำคัญที่ต้องลุกให้ได้ทุกครั้ง...ใช่มั้ยคะ
ขอบคุณทุกๆธารน้ำใจและกำลังใจจากทุกๆๆท่านค่ะ